ดูหนังใหม่ 2024 หนังออนไลน์ ดูหนังฟรี HD หนังเต็มเรื่อง Netflix

ดูหนัง Wind River (2017) ล่าเดือด เลือดเย็น

เรื่องย่อ

เรื่องราวเกี่ยวกับปริศนาของเหตุฆาตกรรมหญิงสาวชาวอินเดียนแดงที่เธอได้เสียชีวิตอยู่ท่ามกลางหิมะที่หนาวเหน็บในวินด์ริเวอร์เขตสงวนของชาวอินเดียนแดงรัฐไวโอมิ่ง โดยผู้ที่พบศพของเธอเป็นคนแรกก็คือ คอรี่( เรนเนอร์ ) เจ้าหน้าที่ป่าไม้ของเขตสงวนในระหว่างที่เขากำลังตามล่าสิงโตอยู่ เขาจึงวิทยุไปหา เบน ( กรีน ) หัวหน้าตำรวจชาวอินเดียนแดงในเขตสงวน เบนจึงเข้ามาในสถานที่เกิดเหตุพร้อมกับ เจน( โอลเซ่น ) FBI หน้าใหม่ที่ได้รับคำสั่งให้มาดูแลคดีนี้  Wind River และเนื่องจากเหตุขัดข้องทางกฎหมายในบางประการจึงทำให้เจนไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากส่วนกลางได้ทำให้เธอต้องทำงานเพียงลำพังโดยมีเพียงตำรวจท้องถิ่นเท่านั้นที่ช่วยเหลือ เธอจึงขอให้คอรี่มาช่วยในการตามล่าหาตัวฆาตกร เนื่องจากคอรี่มีความชำนาญในพื้นที่นี้เป็นอย่างดี

ผู้กำกับ

• เทย์เลอร์ เชอริแดน

บริษัท ค่ายหนัง

• อคาเซีย เอนเตอร์เทนเมนต์
• Savvy Media Holdings
• ธันเดอร์โรด พิคเจอส์
• ฟิล์ม 44

นักแสดง

• เจเรมี เรนเนอร์
• อลิซาเบธ โอลเซน

โปสเตอร์หนัง

รีวิว

หมื่นทิพ

8/10

ตอนดู Wind River รอบแรกในโรงนั้น ผมเกิดอารมณ์หดหู่ทับซ้อนกันหลายชั้น ชั้นแรกก็คือรอบฉายสมัยเข้าโรงนั้นน้อยมาก น้อยจนน่าตกใจทีเดียว ความหดหู่ชั้นสองคือตัวหนังครับ หนังทำได้เย็นยะเยือก เนื้อเรื่องก็กดดัน มันสะท้อนความจริงอันน่าเศร้าของชนพื้นเมืองชาวอินเดียนแดงที่แม้จะเป็นผู้อยู่ในแผ่นดินอเมริกามาแต่เดิม แต่พวกเขากลับถูกขับไล่ กวาดล้าง ทำประหนึ่งเป็นผลเมืองชั้นสอง (หรือต่ำกว่านั้น) หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังดูสนุกครับ บอกได้เลย มันคือหนังดราม่าทริลเลอร์ที่กดดัน  Wind River ท่ามกลางบรรยากาศหนาวเหน็บของหิมะ และสะท้อนถึงความตกต่ำของ “สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน” ที่ชวนให้นึกถึงคลิปคนบนท้องถนนที่ดูจะมีเรื่องกันได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนจนน่าตกใจ คอรี่ย์ แลมเบิร์ต (Jeremy Renner) นายพรานมือฉมังที่ได้พบศพของหญิงสาวชาวอินเดียนแดงคนหนึ่ง ตายอยู่กลางหิมะ และไม่นานจากนั้นเอฟบีไอก็ส่งเจ้าหน้าที่ เจน แบนเนอร์ (Elizabeth Olsen) มาทำคดีนี้

พล็อตจริงๆ ไม่มีอะไรมากครับ มันคือการสืบว่าใครเป็นคนลงมือทำร้ายหญิงสาวคนนี้ และมูลเหตุจูงใจของคนลงมือคืออะไร ซึ่งหนังไม่ได้มาในแนวไขปริศนาหาฆาตกรแบบหนังสืบสวนทั่วๆ ไปครับ เพราะตอนเฉลยฆาตกรนั้นก็เฉลยแบบตรงๆ ไม่ได้เก็บฆาตกรไว้เผยตัวตอนสุดท้ายแต่อย่างใด จุดสำคัญที่หนังเน้น ไม่ใช่การสืบ แต่จะไปเน้นปูมหลังของตัวละครอย่างคอรี่ย์ ที่ดูก็รู้ว่าเขาต้องมีอดีตอันเจ็บปวดอย่างแน่นอน แล้วก็มาเน้นคาแรคเตอร์ของเจนที่เป็นเจ้าหน้าที่ที่อาจจะไม่เก่งกาจอะไร แต่เธอก็ตั้งใจทำหน้าที่แบบเต็มร้อย บอกได้เลยครับว่าใครชอบหนังสืบสวนเร้าระทึกล่ะก็ หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แนวของท่านแน่นอน เพราะมันคือหนังที่เน้นดราม่า เน้นการปูอารมณ์ (ให้เราสะท้านสะเทือนไปกับเรื่องราว) และมันจะเน้นเรื่องคาแรคเตอร์กับปฏิสัมพันธ์ของตัวละครมากกว่าครับ

เห็นหน้านักแสดงแล้วเราๆ ท่านๆ อาจจะแอบฮา เพราะมันคือฮอว์คอายมาประกบกับสการ์เล็ท วิทช์ชัดๆ (555) แต่หากว่ากันในแง่การแสดงแล้ว ทั้งสองเล่นได้ดีมากครับ Renner ดูยอดมากๆ ในบทพรานมือดี ดูแล้วไม่รู้สึกว่าพี่แกเป็นฮอว์คอาย แต่จะชวนให้นึกถึงตอนเป็นแอรอน ครอส มากกว่า คาแรคเตอร์ของคอรี่ย์นั้นเป็นพรานที่ช่างสังเกต และเจนสนามมากจนอ่านเกมต่างๆ ได้ แต่ขณะเดียวกันเขาก็ไม่ใช่คนที่อวดดื้อถือดี ในแต่ละช่วงเวลาเขาเจียมตนและรู้ขอบเขตของตนเสมอ อย่างในแง่ของคดีแล้ว จริงๆ เขาอ่านอะไรออกหลายอย่างครับ แต่เขาพยายามเงียบไว้ ปล่อยให้เจ้าหน้าที่อย่างเจนเดินหน้าสืบเอา แต่หากอันไหนมันจำเป็นจริงๆ เขาก็จะช่วยชี้ทางให้ ส่วนเจนก็เป็นเจ้าหน้าที่ประเภทที่ทำงานดี ทำงานตั้งใจ แม้ประสบการณ์เธอจะไม่เยอะจนช่ำชองเรื่องต่างๆ แต่ถ้าพูดถึงความพยายามแล้วก็ต้องยกนิ้วให้ ซึ่งบทของคอรี่ย์และเจนก็เสริมกันอยู่ในทีครับ ทั้งในแง่คาแรคเตอร์และการแสดง ถือว่าเป็นพลังสำคัญที่ดึงผู้ชมให้ติดตามหนังไปจนจบได้

โทนหนังมันยะเยือกมากๆ ครับ ไม่ใช่แค่เพราะมันล้อมไปด้วยหิมะเท่านั้น แต่ด้วยการนำเสนอที่ไม่เร่งรีบ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่น่าเบื่อ ซึ่งก็ต้องถือว่าพอเหมาะทีเดียวครับ ไหนจะดนตรีของ Nick Cave และ Warren Ellis ที่เสริมอารมณ์ยะเยือกของหนังได้อย่างยอดเยี่ยม (บางจังหวะนี่ดนตรีมายังกับหนังผีน่ะครับ) ดาราดี เดินเรื่องดี ดนตรีดี แล้วที่ลืมไม่ได้คือบทครับ บทถือว่าดีแบบกำลังเหมาะ ซึ่งก็ต้องขยายความคำว่าดีตรงนี้สักหน่อยว่าบทนั้นมันไม่ได้ซับซ้อนชวนอึ้งอะไรหรอกครับ มันเดินเรื่องไปตามจังหวะ เปิดปม ตามปม คลายปม แต่ละช่วงเป็นไปอย่างหนักแน่น เหตุการณ์ที่เกิดในเรื่องนั้น เอาเข้าจริงเราอาจเล่าจบได้ด้วยตัวอักษรไม่กี่บรรทัด แต่การใส่ใจในรายละเอียด การนำเสนอแบบละเลียดเรื่องราวไปเรื่อยๆ ประหนึ่งอ่านนิยาย และบทสรุปที่ถือว่าสาแก่ใจผู้ชม ทั้งหมดนี้ทำให้หนังเรื่องนี้มีดีควรค่าแก่การดู

หนังเขียนบทและกำกับโดย Taylor Sheridan ครับ ซึ่งเขาก็เป็นดาราสมทบให้กับหนังและซีรีส์หลายๆ เรื่อง แล้วยังเคยกำกับหนังมาหนหนึ่งเมื่อปี 2011 แต่ตอนนั้นผลงานยังไม่เด่น แล้วเขาก็มาแจ้งเกิดแบบจริงๆ จังๆ ในฐานะมือเขียนบทครับ เขาแจ้งเกิดดอกแรกด้วย Sicario ต่อด้วย Hell or High Water ที่ทำให้เขาได้ชิงออสการ์ แล้วก็มาเรื่องนี้ครับที่เขาเขียนบทและกำกับเอง ผลที่ได้ก็ถือว่าเวิร์กทีเดียว แน่นอนว่ามันอาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบไปเสียทั้งหมด แต่ก็ถือว่าทำได้ดีเลยล่ะครับ ประเด็นสำคัญที่หนังนำมาเล่นตลอดเรื่องคือการสื่อให้เห็นถึงการแบ่งแยกเหยียดหยันกันของคนในแผ่นดินอเมริกันครับ แม้แผ่นดินนี้จะชอบยกเรื่องสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคมาพูดกันบ่อยๆ แต่เอาเข้าจริงบ้านเขาเมืองเขาน่ะก็มีการแบ่งแยกและรอยแยกระหว่างกันไม่น้อย อย่างเรื่องชาติพันธุ์นี่ชัดเจนครับ เหยียดกันเรื่อยๆ ไม่ว่าจะคนผิวดำ เอเชีย หรือคนอินเดียนแดง จนคนอินเดียนก็ไม่ไว้ใจคนขาว ส่วนคนขาวเองก็มีอคติกับคนอินเดียน  Wind River มันเลยกลายเป็นแผลที่ปริไปเรื่อยๆ ไม่มีทางหยุดสักที และพอเกิดเรื่องอะไรหนักๆ ขึ้นมา จากแผลที่ปริมันก็พร้อมจะแตกออกมาจนถึงขั้น “เลือดแดงฉาน” ได้ทุกเมื่อ

Troy_Campbell

8/10

แทบจะไม่มีการประกาศข่าวคราวใดๆ เกี่ยวกับการเปิดตัวภาพยนตร์แนวสืบสวนฆาตกรรมเรื่องนี้ ซึ่งถือว่าน่าแปลกใจเมื่อพิจารณาถึงความสามารถที่เข้ามาเกี่ยวข้องทั้งต่อหน้ากล้อง (เจเรมี เรนเนอร์, เอลิซาเบธ โอลเซ่น) และเบื้องหลัง (เทย์เลอร์ เชอริแดน ผู้เขียนบทและผู้กำกับ) เชอริแดนเพิ่งก้าวขึ้นมาอยู่ในกลุ่มนักเขียนบทระดับแนวหน้าหลังจากประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมใน Sicario และ Hell or High Water เชอริแดนยังคงเดินหน้าสร้างผลงานอันยอดเยี่ยมต่อไปด้วยการศึกษาความสูญเสียและความเศร้าโศกที่สะเทือนอารมณ์ซึ่งห่อหุ้มอยู่ในเรื่องราวอาชญากรรมระทึกขวัญที่ตึงเครียด นอกจากนี้เชอริแดนยังมีโอกาสกำกับอีกด้วย โดยให้ฉากหลังเป็นไวโอมิงที่มีหิมะปกคลุมเป็นฉากหลังของตัวละครในโลกที่ให้ความรู้สึกเหมือนไม่มีทางออกทั้งทางกายภาพและทางอารมณ์ เมื่อชุมชนพื้นเมืองอเมริกันแห่งนี้ถูกฆาตกรรม รู้สึกเหมือนเป็นโศกนาฏกรรมอีกครั้งในโศกนาฏกรรมที่ยาวนาน ความตกใจของพวกเขาถูกแทนที่ด้วยความโศกเศร้าที่ลึกซึ้งกว่า ความโกรธแค้นของพวกเขาถูกแทนที่ด้วยความพ่ายแพ้อย่างสมเกียรติ เจน แบนเนอร์

เจ้าหน้าที่เอฟบีไอชั้นผู้น้อยของโอลเซ่นต้องก้าวข้ามความซับซ้อนทางวัฒนธรรมที่ซับซ้อนเพื่อทำความเข้าใจเบาะแสที่อยู่ตรงหน้าเธอ เธอโชคดีที่มีโครี แลมเบิร์ต นักล่าในท้องถิ่นของเรนเนอร์คอยช่วยเหลือ ซึ่งเรนเนอร์เองก็กำลังต่อสู้กับหายนะของครอบครัวในอดีตเช่นกัน เรนเนอร์และโอลเซ่นต่างก็อยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม เรนเนอร์ปกปิดความเศร้าโศกของเขาไว้ภายใต้หน้ากากที่เข้มแข็ง ส่วนเรนเนอร์รักษาสมดุลระหว่างทัศนคติของคนเมืองกับความปรารถนาอย่างแท้จริงที่จะค้นหาความยุติธรรมให้กับเหยื่อ นักแสดงตัวประกอบมากประสบการณ์อย่างกิล เบอร์มิงแฮมก็แสดงได้ยอดเยี่ยมในบทบาทพ่อที่ไม่แน่ใจว่าจะรับมือกับการสูญเสียครั้งใหญ่ของเขาอย่างไร หากทั้งหมดนี้ฟังดูหนักเกินไป ก็เป็นเช่นนั้น แต่เชอริแดนระมัดระวังที่จะใส่ความระทึกขวัญและฉากแอ็กชั่นเบาๆ เข้าไปเพื่อให้ดราม่ายังคงเข้มข้นแทนที่จะกดดันเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนจบที่ทำให้หนังเรื่องนี้พลิกกลับด้านในลักษณะที่คาดเดาไม่ได้แต่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง Wind River เป็นผลงานที่ชาญฉลาด ดำเนินเรื่องอย่างช้าๆ และชวนติดตาม ซึ่งดึงดูดใจตั้งแต่ต้นจนจบ และเป็นอัญมณีที่เรียบง่ายที่สมควรค่าแก่การรับชม

kckidjoseph

8/10

เป็นภาพยนตร์แนวสืบสวนคดีฆาตกรรมระทึกขวัญที่เข้มข้น เขียนบทและกำกับโดยเทย์เลอร์ เชอริแดน (ผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมจากเรื่อง “Hell or High Water”) นำแสดงโดยเจเรมี เรนเนอร์, เอลิซาเบธ โอลเซ่น และเกรแฮม กรีน โดยมีนักแสดงสมทบที่แข็งแกร่งอย่างไม่ธรรมดาซึ่งรวมถึงนักแสดงพื้นเมืองอเมริกันฝีมือดีหลายคน เรนเนอร์และโอลเซ่นรับบทเป็นเจ้าหน้าที่ติดตามของสำนักงานประมงและสัตว์ป่าแห่งสหรัฐอเมริกาและเจ้าหน้าที่เอฟบีไอตามลำดับ โดยพวกเขาพยายามไขคดีฆาตกรรมหญิงสาวซึ่งศพของเรนเนอร์ถูกค้นพบภายใต้สถานการณ์ลึกลับขณะที่เขากำลังลาดตระเวนในเขตสงวนอินเดียนแดงวินด์ริเวอร์ในไวโอมิง ภาพยนตร์เรื่องนี้หลีกเลี่ยงการใช้คำซ้ำซากอย่างพิถีพิถันและตัดต่ออย่างรัดกุม โดยไม่มีช่วงเวลาที่เสียเปล่า แต่ไม่เคยรู้สึกว่าการแสดงหรือโครงเรื่องเร่งรีบหรือเสแสร้ง ทุกคนและทุกสิ่งมีเหตุผล และที่ดีที่สุดคือผู้ชมได้รับเครดิตที่สามารถตามทันและเชื่อมโยงจุดต่างๆ เข้าด้วยกันได้

Wind River ความรุนแรงซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งนั้นถูกทำให้น้อยที่สุดเพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ในการเล่าเรื่อง อธิบายและชี้แจงแทนที่จะโจมตีประสาทสัมผัส ตัวละครทุกตัว แม้แต่ตัวที่ชั่วร้ายที่สุด ก็ถูกพรรณนาเป็นมนุษย์ที่มีพัฒนาการเต็มที่ แทนที่จะเป็นแบบแผน เราเรียนรู้ว่าวัฒนธรรมพื้นเมืองอเมริกันตกเป็นเหยื่ออย่างไรในลักษณะที่พาเราเข้าไปในโลกและจิตวิญญาณของพวกเขา แต่การเดินทางนั้นได้รับการจัดการอย่างชำนาญและไม่หนักมือ ภาพถ่ายนั้นถ่ายทอดออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉลิมฉลองทิวทัศน์ของไวโอมิงที่เย็นยะเยือกในสไตล์ที่เรียบๆ สอดคล้องกับอารมณ์ของเรื่องราว เรนเนอร์ โอลเซ่น และกรีนนั้นยอดเยี่ยมและน่าเชื่อถือ แต่ในทางที่ไม่น้อยเลย นี่เป็นผลงานของนักแสดงที่มีความสามารถและประสิทธิผลซึ่งมาจากความหลงใหลและความเชื่อที่จับต้องได้ของทุกคนที่อยู่หน้ากล้องและหลังกล้อง นี่เป็นเรื่องราวที่น่าติดตามซึ่งคุ้มค่ากับเวลาและเงินของคุณ และขอชื่นชมทุกคนที่เชื่อว่าผู้ชมที่มีวิจารณญาณจะพบและชื่นชมเรื่องราวนี้

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

Maria Full Of Grace (2004)

The Worthy (2016) ผู้อยู่รอด

Autopsy (2008) จับคนมาชำแหละ

Sea Fever (2019) ปรสิตฝังร่าง สัตว์ทะเลมรณะ

Husk (2011) มิติสยอง 7 ป่าช้า ไร่ข้าวโพดโหดจิตหลอน