เรื่องย่อ : Sand Castle (2017) แซนด์ แคสเทิล ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี NungHD หนังเต็มเรื่อง พากย์ไทย ซับไทย ดูหนังใหม่ 2024
ในช่วงเริ่มต้นของสงครามอิรัก ปี 2003 พลทหารแมตต์ โอเคร ทหารฝ่าย กิจการพลเรือน Sand Castle หนุ่ม ในกองหนุนของกองทัพบกได้ทุบประตูรถฮัมวี่เพื่อพยายามกลับบ้าน คำบรรยายเผยว่าเขาเข้าร่วมกองทัพในเดือนกรกฎาคม 2001 เพื่อหาเงินเรียนมหาวิทยาลัย ต่อมาไม่นาน เขาก็ถูกพบเห็นโดยมีเฝือกที่แขน แต่การพยายามของเขาไม่ประสบผลสำเร็จ เฝือกของเขาถูกตัดออกทันเวลาพอดีที่จะถูกส่งไปยังกรุงแบกแดดระหว่างการสู้รบ โอเครเห็นมือปืน และจ่าสิบเอกดีแลน ชัทสกี้ได้เรียกเฮลิคอปเตอร์โจมตีซึ่งทำลายอาคารที่มือปืนอยู่ จากนั้นภาพยนตร์จะข้ามไปในช่วงเวลาหนึ่งหลังจากการต่อสู้ เมื่อหน่วยของ Ocre ได้รับมอบหมายให้ซ่อมแซมระบบน้ำที่ชำรุดในหมู่บ้านBaqubah ที่อันตราย พวกเขามาถึงหมู่บ้านและพบกับ หน่วย รบพิเศษที่นำโดยกัปตัน Syverson Syverson แนะนำพวกเขาให้รู้จักกับล่ามและอธิบายว่าพวกเขาต้องเดินทางไปที่สถานีสูบน้ำและเติมน้ำลงในรถบรรทุกเพื่อนำกลับมาที่หมู่บ้านทุกวัน
ที่สถานีวิศวกรของกองทัพที่ทำงานเกี่ยวกับปั๊มอธิบายว่าจะต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการซ่อมแซมให้เสร็จ แต่การซ่อมแซมจะเร็วขึ้นมากหากจ่าสิบเอก Harper สามารถคัดเลือกชาวบ้านบางส่วนมาช่วยได้ เมื่อกลับมาที่หมู่บ้าน พวกเขาแจ้งชาวบ้านว่าจะจ่ายเงินให้ทุกคนที่มาทำงานในเช้าวันรุ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเช้าก็ไม่มีใครอยู่ที่นั่นเมื่อพวกเขาพร้อมที่จะออกเดินทาง เนื่องจากไม่มีแรงงานจากหมู่บ้าน พวกเขาจึงถูกบังคับให้ช่วยวิศวกรด้วยตนเอง ระหว่างการเดินทางกลับครั้งหนึ่ง รถคันหนึ่งถูกพบเห็นวิ่งมาตามหลังพวกเขาด้วยความเร็วสูง พวกเขาหยุดรถและซักถามคนขับ แต่ได้ทราบว่าเขากำลังพาลูกสาวตัวน้อยไปที่หมู่บ้านอื่นเพื่อรับยา ในระหว่างการเดินทางอีกครั้ง พวกเขาถูกกลุ่มกบฏหลายกลุ่มที่มีอาวุธขนาดเล็กโจมตี ซึ่งยิงถังจนเป็นรู วันรุ่งขึ้น ขณะที่กำลังจ่ายน้ำอยู่ ก็เกิดการยิงปืนขึ้น พวกเขาปะทะกับศัตรูหลายรายที่ยิงมาจากหลังคาบ้าน ระหว่างนั้น ชุตสกี้ก็ถูกสังหาร
รีวิว (ไม่สปอยล์)
บอกไว้ก่อนเลยเรื่องนี้ไม่เคยอยู่ในเรดาร์ของอ๊าตมาก่อน ไม่เคยดู Trailer ไม่เคยได้ยินมาก่อน เพียงแต่วันนั้นเป็นวันที่ว่างๆแล้วเห็นโปสเตอร์ของเรื่องนี้ใน Netflix เลยกดเข้าไปดู เมื่อดูจบต้องบอกเลยว่าสนุกใช่ได้เลยแหะ ดูตั้งแต่้นจนจบไม่เบื่อเลย เรื่องนี้ไม่ใช่หนัง action เต็มตัว (ออกแนวดราม่ามากกว่า) Sand Castle แต่ก็มี action ตลอดทั้งเรื่องแถมทำได้ดีซะด้วยสิ และสิ่งที่อ๊าตชอบมากๆและต้องชมสำหรับหนังเรื่องนี้คือบรรยากาศของหนังนั้นทำให้เรารู้สึกว่าทุกครั้งที่มีการสู้รบ มีกระสุนบินผ่านหัว มันมีความกดดันที่รู้สึกได้จากตัวละครว่าการต่อสู้นั้นมันอันตราย น่ากลัว และไม่น่าดู การเห็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องหรือประชาชนทั่วไปตายนั้นเป็นเรื่องที่น่าเศร้า การสูญเสียเพื่อน และหลายๆอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้เรารู้ว่าสงครามนั้นมันเป็นส่ิงที่โหดร้าย ซึ่งสำหรับอ๊าตหนังเรื่องนี้สื่อออกมาได้ดีมากๆ ปรบมือเลย (แปะๆ แปะๆ) ตัวละครในเรื่องนี้ถือว่าค่อนข้างโอเค โดยเฉพาะ แมทท์ โอเกอร์ (ตัวเอก) แต่ตัวละครบางตัวกลับรู้สึกว่าไม่มีการพัฒนาใดๆทั้งสิ้น เรียกว่าเป็นตัวละครที่เราเห็นได้ในหนังสงครามทั่วไป ทำให้พอเวลามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเราจะไม่ค่อยมีความรู้สึกร่วมหรือแคร์อะไรกับตัวละครเหล่านั้นมากเท่าที่ควรจะเป็น คือไม่ค่อยเชื่อ ไม่อินเท่าไหร่ ความรู้สึกโดยรวมคือใช่ได้เลย ถ่ายทอดบรรยากาศของสงครามได้ดี ดูไม่เบื่อ สงครามดูสมจริง เป็นหนังที่ไม่ได้คาดหวังอะไรแต่สนุกกว่าที่คิด ตัวละครบางตัวพัฒนาได้ดีแต่บางตัวก็ดูแบนราบไหน่อย แต่สุดท้ายหนังเรื่องนี้ก็ยังทำให้อ๊าตสามารถดูจนจบได้โดยไม่เบื่อ และ บางสถานการณ์ทำให้นั่งไม่ติดได้เลยทีเดียว ถ้าใครสมัคร Netflix และ เป็นแฟนหนังสงคราม อ๊าตแนะนำ คะแนน 7.5/10 (ใช้ได้นะ) ปล. มีดาราคนหนึ่งที่อ๊าตไม่รู้ไว้ก่อนเลยว่าอยู่ในหนัง (อาจจะเพราะไม่ได้ดู Trailer ฮ่าๆๆ) ลองดูนะเห็นปุ๊ปจำหน้าได้ปั๊บ
“กูไม่ได้อยากมารบ กูแค่จะมาหาเงิน” บอกตามตรงว่าไม่เคยได้ยินชื่อหนังเรื่องนี้มาก่อนเลย แต่หลังจากที่เลื่อนดูโปรแกรมในแอพ Netflix ว่ามีอะไรน่าดูบ้าง ก็ไปสะดุดกับเรื่องนี้ ที่มีภาพปกของเรื่องสวยจริงๆ จนต้องใช้เวลาไปเกือบ 2 ชั่วโมง สำหรับเรื่องนี้ รวมไปถึงมีสตาร์ดังอย่าง เฮนรี่ คาร์วิลล์ มาแสดงด้วย เลยทำให้น่าดูขึ้นไปอีก ธีมหลักของหนังจะอยู่กับทะเลทราย แสงแดดร้อนจ้า และรถฮัมวี่เปื้อนฝุ่น โดยหนังเล่าเรื่องจากประสบการณ์จริงของ คริส โรเอสเนอร์ ผู้เขียนบท ที่เคยเป็นทหารอยู่ในประเทศอิรักในปี 2003 ซึ่งกล่าวถึงพลทหารโอเคอร์ ตัวเอกของเรื่องที่เป็นเด็กหนุ่มธรรมดาๆ ไม่ได้อยากจะมาตายเพื่อชาติ ไม่ได้อยากจะมาสวมเครื่องแบบเปื้อนฝุ่นทราย ในพื้นที่ห่างไกลแผ่นดินเกิดของตัวเองแบบนี้ เค้าแค่มาสมัครเข้ากองทัพเพียงต้องการเงินเบี้ยเลี้ยงไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยเท่านั้น แบบประโยคเริ่มต้น แต่ดันได้รับภารกิจให้ไปซ่อมแซมระบบส่งน้ำในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า บาคูบาห์ ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงที่สุดแห่งนึง โดยพวกเขาต้องพยายามสร้างความเชื่อใจให้แก่คนในหมู่บ้าน รวมไปถึงนำตัวเองให้รอดจากสมรภูมินี้จนจบภารกิจ
หนังปูให้เราค่อยๆซึมซับกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร และนิสัยของตัวละครต่างๆ ทั้งทหารบ้าดีเดือด กระหายสงคราม ทหารพูดมาก ที่พยายามเหมือนจะพูดเพื่อลดความกลัวของตัวเอง แต่หนังพยายามจะสร้างคาแรกเตอร์ของตัวเอกโอเคอร์ให้ดูเป็นคนที่มีอะไรในใจตลอดเวลา ทำตามคำสั่งไปวันๆ ทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ ไม่รู้ว่าในใจคิดอะไรอยู่ ถ้าในด้านเหตุผลของบท มันก็ถือว่านิสัยแบบนี้เป็นสิ่งที่ผู้บังคับบัญชาชอบ เพราะดูเป็นคนที่ไม่บ้าเกินไป และไม่ขี้ขลาดเกินไป สามารถนำไปออกรบได้ แต่ในด้านของคนดู มันดูเหมือนตัวเอกไม่มีพัฒนาการของตัวละครเท่าไรนัก ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขนาดไหน หน้าแกก็ยังดูนิ่ง สุขุม ดูเป็นทองไม่รู้ร้อนตลอดเวลา ซึ่งไม่รู้ว่าผู้กำกับแกสั่งเอาไว้ว่าคาแรกเตอร์มันต้องเป็นแบบนี้รึเปล่า
หนังไม่ได้มีการสู้รบกันตลอดทั้งเรื่อง แต่ส่วนใหญ่จะเน้นไปในเรื่องของการลอบโจมตี ความไม่ไว้วางใจกันทั้งสองฝ่าย ในช่วงแรกๆอาจมีบ้างที่บทออกจะเนือยๆ แต่พอเข้าช่วงหลังของหนังแล้ว ใส่กันไม่ยั้งเหมือนกัน มีหลายช่วงที่หนังดูจะพยายามใส่ความสัมพันธ์ระหว่างทหารกับครอบครัวที่รออยู่ที่บ้าน โดยใส่บทให้ทหารสามารถโทรกลับไปหาคนที่บ้านได้ แต่ก็ดูไปได้ไม่สุดเท่าไร มีฉากที่ก่อนออกรบ ทหารนายหนึ่งโทรศัพท์กลับไปบอกเมียที่บ้านและร้องไห้ แต่ก็มีฉากนั้นอยู่ไม่ถึง 1 นาที ด้วยซ้ำ ทำให้ไม่ได้มีความอินอะไรกับอารมณ์นี้เท่าไร เหมือนกับหนังจะบอกว่า “เออ กูทำให้ดูซึ้งแล้วนะ ไปๆ ไปรบกันได้แล้ว” อะไรแบบนี้ แต่ถือว่าทำออกมาใช้ได้ทีเดียวสำหรับเรื่องนี้ ให้อารมณ์สไตล์หนังเรื่อง Jarhead ถ่ายทอดบรรยากาศ ความเครียด ความกดดันในภารกิจได้ค่อนข้างโอเค อาจจะติดตรงความหน้าตายของพระเอกไปนิด ที่ไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมเท่าไร แต่โดยรวมก็ยังถือว่าเป็นหนังสงครามที่น่าดูอยู่ ดูเพลินๆได้เหมือนกัน ใครที่อยากจะหาเรื่องนี้ชม สามารถชมได้ทาง Netflix นะครับ
สลับไปมาระหว่างสองเรื่อง เรื่องหนึ่งคือเหตุการณ์นักศึกษาลุกฮือในเดือนตุลาคม 2516 (เป็นภาพขาวดำสไตล์ข่าว) อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องราวส่วนตัวของเสกสรร หนึ่งในแกนนำนักศึกษาในช่วงปี 2517-2523 เทคนิคที่น่าสนใจในการดำเนินเรื่องคู่ขนานกับสองเรื่องนี้คือนำไปสู่คำถามหนึ่งที่ตอนท้าย ซึ่งตัวเอกและผู้ชมอาจถามตัวเองว่า นักศึกษาประสบความสำเร็จเพียงพอในปี 2516 หรือไม่ หรือจำเป็นต้องประสบความสำเร็จมากกว่านี้ “มากกว่านี้” นี้เป็นลัทธิคอมมิวนิสต์จริงๆ Sand Castle หลังจากปี 2516 นักศึกษาจำนวนมากหนีไปลาวและ/หรือภาคเหนือของประเทศไทยเพื่อจัดการปฏิวัติด้วยอาวุธ ส่วนต่างๆ ของภาพยนตร์ได้รับการจัดการได้ดีมากเพราะแสดงให้เห็นว่ามีแนวคิดสังคมนิยมที่ดีอีกครั้งในตอนต้น แต่ถูกบดขยี้โดยความคิดที่คับแคบของผู้นำคอมมิวนิสต์ การอภิปรายที่โง่เขลาและไม่รู้จบเกี่ยวกับแนวทางของพรรค สนับสนุนจีน สนับสนุนรัสเซีย สนับสนุนเวียดนาม … อะไรก็ได้ มันเป็นแค่การพูดคุยกันและการยึดมั่นในหลักคำสอนที่ไม่จำเป็น นั่นคือสิ่งที่ชัดเจนสำหรับเซ็กสัน พระเอกของเรา เขาสนับสนุนสังคมนิยมประชาธิปไตย “วิถีไทย” วาระที่ชัดเจนของเขายังคงคลุมเครืออยู่บ้าง แต่ที่จริงแล้วสิ่งนั้นช่วยให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ดีขึ้น เพราะทำให้ผู้ชมเห็นอกเห็นใจเขามากขึ้น ดังนั้น เราอาจกล่าวได้ว่า “นักล่าดวงจันทร์” ไร้เดียงสาทางการเมือง แต่ฉันคงไม่พูดไปไกลถึงขนาดนั้น ภาพยนตร์เรื่องพยายามที่จะบันทึกช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย เส้นทางสู่ประชาธิปไตย และเรื่องราวส่วนตัวเบื้องหลังเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนี้ คุ้มค่าแก่การชม! ฉันให้คะแนนภาพยนตร์เรื่องนี้
เรื่องราวนี้ถ่ายทอดสภาพแวดล้อมและผู้คนในพื้นที่ที่เกิดความขัดแย้งได้อย่างแม่นยำ โดยอิงจากเหตุการณ์จริงของผู้เขียนบทภาพยนตร์ Nicholas Hoult ทำได้ดี ฉันมองว่าเป็นภาพยนตร์ที่เรียบง่าย เขาช่วยให้เราไม่ต้องคิดมากเกินไปเกี่ยวกับตัวเองหรือปัญหาทางศีลธรรมที่มักเกิดขึ้นบ่อยในการเขียนบทหรือภาพยนตร์ ตลอดทั้งเรื่องฉันคิดว่ามันดูเหมือนอิรักจริงๆ ถ่ายทำในจอร์แดน พื้นที่ที่ฉันอยู่ดูเหมือนภาพจากยานสำรวจดาวอังคาร มีหิน ดินเหนียว ทราย และหินอีกมากมาย Sand Castle ในช่วงฤดูหนาว ส่วนใหญ่จะมีแต่สีส้ม นี่ไม่ใช่ภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่เล่าขานหรือเป็นภาพยนตร์แอคชั่น ฉันดีใจที่ไม่มีการย้อนอดีตหรือย้อนอดีตไปยังบ้านเกิด/สหรัฐอเมริกา การกลับบ้านและชีวิตหลังจากนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพลงประกอบก็ไพเราะและชื่อเรื่องก็ดีมาก คล้ายกับผลงานของ Brian Eno ดีใจที่ได้เห็นผลงานต้นฉบับของ Netflix ที่มีคุณภาพอีกเรื่องหนึ่ง
Silmido (2003) เกณฑ์เจ้าพ่อไปเป็นทหาร
Hansan Rising Dragon (2022) ฮันซัน แม่ทัพมังกร
...โปรดรอสักครู่...