เรื่องย่อ : Hellraiser Judgment (2018) บิดเปิดผี 10 ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี NungHD หนังเต็มเรื่อง พากย์ไทย ซับไทย ดูหนังใหม่ 2024
ในนรกพินเฮดจากนิกายเซโนไบต์และผู้ตรวจสอบของศาลศาสนาสไตเจียนกำลังหารือกันถึงวิธีการปรับวิธีการเก็บเกี่ยววิญญาณของพวกเขาเพื่อรับมือกับเทคโนโลยีของมนุษย์ที่ก้าวหน้าซึ่งทำให้ Configurations หรือประตูสู่นรกนั้นล้าสมัย ในขณะเดียวกันบนโลกนักสืบ สามคน ได้แก่ พี่น้องฌอนและเดวิด คาร์เตอร์ และคริสติน เอเจอร์ตัน กำลังสืบสวนฆาตกรต่อเนื่องที่รู้จักกันในชื่อ Preceptor ซึ่งการฆาตกรรมของเขาขึ้นอยู่กับบัญญัติสิบประการ ความเชื่อมโยงกับเหยื่อรายหนึ่งทำให้เจ้าหน้าที่สืบสวนพบคาร์ล วัตกินส์ อาชญากรในพื้นที่ที่หายตัวไปใกล้กับบ้านร้าง ฌอนไปที่นั่นและหมดสติ ตื่นขึ้นในอาณาจักรของศาลศาสนาสไตเจียนในนรก ขณะที่ศาลศาสนาเตรียมที่จะตัดสินฌอนสำหรับบาปของเขา ทูตสวรรค์โจฟีเอลเข้ามาแทรกแซงและบอกให้พวกเขาปล่อยตัวเขา ฌอนหนีออกจากอาณาจักรพร้อมกับกล่องปริศนาที่ขโมยมา และผู้ตรวจสอบขอให้พินเฮดแนะนำเรื่องนี้ ฌอนและพี่ชายกลับมาค้นหาในบ้าน แต่ไม่พบร่องรอยของนรกหรือศาลศาสนา คืนนั้น เขาถูกหลอกหลอนด้วยภาพนิมิตของเซโนไบต์และผู้อยู่อาศัยในนรก ซึ่งสัญญา “การพิพากษาและการไถ่บาป” แก่ใครก็ตามที่เปิดกล่องนั้น
ฌอนและคริสตินไปที่สำนักงานชันสูตรพลิกศพและพบว่าโทรศัพท์มือถือของเหยื่อรายหนึ่งของอาจารย์ถูกเก็บไว้ในร่างกายของเธอ ซึ่งบันทึกตำแหน่งสุดท้ายของเธอด้วยGPSพวกเขาพบที่ซ่อนของอาจารย์ ซึ่งฌอนทำให้คริสตินไร้ความสามารถและเปิดเผยว่าตนเองเป็นฆาตกร Hellraiser Judgment เดวิดอนุมานตัวตนของอาจารย์และพบกับเจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพเพื่อค้นหาอาคาร เมื่อมาถึง ฌอนปลดอาวุธเดวิดและเปิดเผยว่าเขากำลังจับอลิสันภรรยาของเขาเป็นตัวประกัน เขาโกรธมากที่เธอมีสัมพันธ์ชู้สาว เขาบังคับให้เดวิดและอลิสันเปิดกล่องด้วยปืนจ่อ เรียกเซโนไบต์และเปิดประตูสู่อาณาจักรของพวกเขา
เมื่อรู้ว่ามีคนจากนรกจะมารับวิญญาณของเขาหลังจากที่เขาหลบหนีครั้งแรก ฌอนจึงพยายามเสนออลิสันและเดวิดให้พินเฮด พินเฮดบอกเขาว่าพวกเขาจะถูกจัดการเพราะเปิดกล่อง แต่เนื่องจากมีกลุ่มอื่นของนรกต้องการวิญญาณของเขา จึงไม่มีการตกลงใดๆ เกิดขึ้น ผู้ตรวจสอบปรากฏตัวขึ้นและบอกกับฌอนว่าศาลศาสนาพบว่าเขามีความผิดในบาปของเขา โจฟีเอลเข้ามาแทรกแซงอีกครั้งและประท้วงพินเฮดและผู้ตรวจสอบว่าฌอนเป็นส่วนหนึ่งของ แผนการของ สวรรค์ที่จะปลูกฝังความกลัวให้กับคนบาป พินเฮดจัดการให้คริสตินฆ่าฌอนและขับไล่โจฟีเอลออกไปอย่างเคียดแค้น เพื่อเป็นการลงโทษพระเจ้าทรงขับไล่พินเฮดออกจากนรกและบังคับให้เขาเดินบนโลกในฐานะมนุษย์ธรรมดา ในฉากหลังเครดิตกลุ่มมิชชันนารีมอร์มอน ในเยอรมนีเข้ามาหาบ้านหลังหนึ่งและได้รับคำตอบจากผู้ตรวจสอบ
5/10
แล้วเราก็มาถึงภาคที่ 10 ของหนังชุดนี้ครับ กับ Hellraiser Judgment ซึ่งเหตุผลในการสร้างภาคนี้ก็เหมือนกับภาคก่อน คือต้องสร้างเพื่อต่อเวลาไม่ให้ลิขสิทธิ์ของหนังชุดนี้ที่ค่าย Dimension ซื้อมาต้องขาดลง แม้จะเป็นการสร้างเพื่อต่อเวลา แต่อย่างน้อยหนังก็เข้าท่ากว่าภาคก่อนครับ เหตุผลหนึ่งก็เพราะคนทำหนังภาคนี้มาพร้อมความตั้งใจที่ถือว่ามากพอสมควร เขาคือ Gary J. Tunnicliffe ผู้ที่ถือว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้ของหนังชุดนี้ Tunnicliffe นั้นเกี่ยวข้องกับการสร้างหนังชุด Hellraiser ตั้งแต่ภาค 3 ครับ เขาทำหน้าที่เป็นหนึ่งในทีมเมคอัพเอฟเฟคท์ และเขายังเป็นคนเขียนบท Hellraiser: Revelations (ภาค 9) ซึ่งตอนแรกเขาตั้งใจจะกำกับด้วยครับ แต่เนื่องจากตอนนั้นเขาติดงานทำเมคอัพเอฟเฟคท์ให้หนัง Scream 4 ทำให้เขาพลาดโอกาสไป แล้ว Hell ภาค 9 ก็กลายเป็นภาคที่คนก่นด่ากันมากที่สุดครับ
ทำให้ Tunnicliffe อยากแก้มือโดยการเดินเข้าไปเจรจากับค่าย Dimension เพื่อทำ Hell ภาคใหม่ตามวิสัยทัศน์ของเขา แต่เนื่องจากตอนนั้นภาค 9 เพิ่งสร้างออกไปหมาดๆ ทำให้ค่าย Dimension ยังไม่สนใจจะทำ Hell ภาคต่อในเวลานั้น Tunnicliffe เลยมีแผนจะทำ Hellraiser แบบภาคแยก เป็นภาค Standaone ที่จะไม่มีตัวละครอย่างพินเฮด และมีการตีความเรื่องราวในแบบใหม่ แต่เนื่องจากเขาไม่สามารถหาคนมาสนับสนุนออกทุนให้ โครงการเลยค้างเติ่งอยู่บนหิ้ง แล้วเวลาก็ผ่านไป 5 ปีครับ เมื่อถึงคราวที่ค่าย Dimension ต้องรีบทำ Hellraiser ออกมาเพื่อต่อเวลาลิขสิทธิ์อีกครั้ง ค่ายเลยติดต่อไปที่ Tunnicliffe ซึ่งเขาก็พร้อมอยู่แล้วล่ะครับ เขาเขียนบท Hell ภาคใหม่นี้ส่งไปที่ค่ายถึง 3 ครั้งกว่าทางค่ายจะเห็นชอบ แล้วผลก็ออกมาเป็นหนังเรื่องนี้ครับ
เป็นภาคที่พยายามอัพเดตหนังชุดนี้ให้มีความแปลกใหม่ทันสมัยขึ้น คือแทนที่จะให้พินเฮดออกมาทรมานคนแบบเดิมๆ หนังกลับมาพร้อมแนวคิดใหม่ว่า เพราะโลกเปลี่ยนไป ไม่มีใครมานั่งเปิดกล่องบิดเปิดผีเหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว ดังนั้นเพื่อให้พี่พินเฮดกับเหล่าซีโนไบท์มีวิญญาณมาทรมานต่อไป ก็เลยต้องเปลี่ยนวิธีการโดยการล่อหลอกให้คนบาปเดินมาหาพวกเขา แล้วจากนั้นซีโนไบท์ที่มีชื่อว่า เดอะ ออดิเตอร์ (Tunnicliffe รับบทนี้เองเลยครับ) ก็จะทำหน้าที่เหมือนผู้พิพากษา คอยพิจารณาบาปของคนผู้นั้น Hellraiser Judgment ก่อนจะนำมาเข้ากระบวนการทรมานแบบโหดๆ ในลำดับถัดไป แล้วหนังก็มีพล็อตหลักว่าด้วย ฌอน (Damon Carney) และเดวิด คาร์เตอร์ (Randy Wayne) นักสืบคู่พี่น้องที่กำลังตามล่าฆาตกรต่อเนื่องฉายาเดอะพรีเซปเตอร์อยู่ แล้วพวกเขาทั้งสองจะไปเกี่ยวข้องกับเหล่าซีโนไบต์อย่างไร ก็ติดตามหาคำตอบได้จากในหนังครับ
ภาคนี้จัดว่าเข้าท่ากว่าภาคก่อนครับ แต่ก็ยังห่างไกลจาก 3 ภาคแรก แต่ผมก็ชื่นชมในความพยายามของ Tunnicliffe นะ เขาพยายามเสกสรรปั้นไอเดียใหม่ๆ ใส่ลงไป ตัวหนังจัดว่าเป็นการเอา Hellraiser ไปผสมกับ Saw และ Seven ในแง่แนวคิดถือว่าน่าสนใจอยู่ครับ แต่ตัวหนังเองก็ถือว่ายังไม่ชวนติดตามขนาดนั้น แต่ยอมรับครับว่าหนังดูแล้วอึดอัด มีความสยองแหวะชวนขยะแขยงผสมอยู่เยอะทีเดียว ชนิดที่ไม่ควรดูระหว่างกินข้าวน่ะครับ เพราะมีโอกาสที่มื้อนั้นจะอวสานสูงมาก แต่กระนั้นโทนหนังมันก็ไม่ได้มีบรรยากาศสยองครอบคลุมไปทั่วแบบภาคแรกๆ ที่มันจะดูสยองดิบ สยองแบบบิดเบี้ยวและให้ความรู้สึกใกล้ตัว ในขณะที่ภาคนี้มันจะออกแนวสยองแหวะตามสไตล์หนังเกรดบีน่ะครับ ให้อารมณ์เป็นหนังมากกว่าจะให้อารมณ์ดิบที่ดูแล้วชวนให้เสียวไส้ว่ามันจะเป็นจริงแบบภาคแรก – ดูแล้วหวาดผวาว่าพี่พินเฮดแกจะโผล่มาข้างหลังไหมเนี่ย – ภาคแรกมันได้อารมณ์นั้นจริงๆ
การดูภาคนี้ถ้าถามว่ารู้สึกยังไง ก็ตอบได้ว่าเรื่อยๆ ครับ ยังไงผมก็ยังโอเคกับ 3 ภาคแรกมากกว่า ภาคนี้ก็ใกล้ๆ กับภาค 6 – 8 และอย่างน้อยก็ดูเวิร์กกว่าภาค 9 ก็ยอมรับในความพยายามที่จะขยายจักรวาลของ Hellraiser ให้มีลีลาที่ต่างออกไป แต่ยังไงๆ ผมก็ยังอยากดู Hell แบบที่มันเป็น Hell น่ะครับ แบบที่มันสยองดิบ โหดเลือดกระจาย พี่พินเฮดมาพร้อมโซ่อะไรแบบนั้นน่ะ สำหรับพินเฮดในภาคนี้ก็แสดงโดย Paul T. Taylor ซึ่งมีบทไม่เยอะครับ บารมีในเรื่องก็ยังดูไม่มาก ความขลังยังไม่เยอะ จริงๆ Hellraiser Judgment อยากได้พี่ Doug Bradley เจ้าของบทพินเฮดต้นฉบับกลับมาแสดงครับ แต่ Bradley ก็ปฏิเสธเพราะเขารู้สึกว่าหนังชุด Hellraiser ที่ค่าย Dimension ทำออกมานั้น ยิ่งทำคุณภาพยิ่งลด ขนาด Tunnicliffe ไปขอร้องด้วยตัวเองแต่ Bradley ก็ยังเซย์โนครับ
5/10
ดูหนังทุกเรื่องในแฟรนไชส์นี้ ความสนุกของฉันจบลงที่ภาคที่สามด้วยเหตุผลที่ชัดเจน ทุกครั้งที่ดูภาคต่อ ฉันก็หวังไว้สูง แต่ก็ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อดูตัวอย่างนี้ ความหวังของฉันก็เริ่มสั่นไหวอีกครั้ง ตัวอย่างเป็นสิ่งที่ฉันหวังไว้ ฉันจึงเริ่มดูภาคนี้ด้วยความอยากรู้และกระตือรือร้น ข้อสรุปคือ นี่ไม่ใช่ภาคที่เราหวังไว้ แต่ก็ไม่ได้แย่เท่ากับภาคอื่นๆ โดยทั่วไปแล้ว จะเป็นช่วง 20 นาทีสุดท้ายที่คุณต้องการ และเพื่อสิ่งนั้น คุณจะต้องดูฉาก 60 นาทีที่เต็มไปด้วยความไร้สาระ ฉากที่น่าเบื่อ และการพิมพ์มากมาย หากคุณพบว่าตัวเองอยู่ในตอนท้ายของเส้นทางอันยาวนานที่น่าเบื่อนั้น คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศเก่าๆ เพียงเล็กน้อย แม้ว่าจะไม่ใช่ส่วนที่หนักแน่นที่สุดในซีรีส์ แต่ก็ยังน่าพอใจ ตอนจบเปิดโอกาสให้มีภาคที่อ่อนแออีกภาคหรือแม้แต่รีบูต โดยรวมแล้ว ฉันหวังว่าพวกเขาจะลงทุนงบประมาณจำนวนมากในแฟรนไชส์นี้สักครั้ง ของว่างเล็กๆ น้อยๆ มากมายที่นี่และที่นั่นไม่ได้ทำให้เราหิวโหยสำหรับมื้ออาหารอีกต่อไป
Spirit The Beginning Of Fear (2020)
...โปรดรอสักครู่...