ดูหนังใหม่ 2024 หนังออนไลน์ ดูหนังฟรี HD หนังเต็มเรื่อง Netflix

ดูหนัง Flightplan (2005) เที่ยวบินระทึกท้านรก

เรื่องย่อ

เหนือพื้นดิน 37,000 ฟุต บนเครื่องบินโดยสารที่เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน จูเลีย ลูกสาววัยหกขวบของ ไคล์ แพล็ตต์ (ฟอสเตอร์) หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครบนเครื่องบินลำนี้เชื่อว่าจูเลียมีตัวตน เวลานี้ ไคล์ที่กำลังสูญเสียและ ไร้ คนช่วยเหลือ ต้องต่อสู้เพื่อยืนยันว่าเธอไม่ได้บ้า โดยใช้ไหวพริบของตนแกะปมปริศนาสุดระทึก เพื่อช่วยชีวิตลูกสาวสุดที่รักให้ทันเวลา ไคลน์ แพร็ต อดีตวิศวกรเครื่องบินเดินทางจากเบอร์ลิน เยอรมนี ด้วยสภาพจิตใจอันบอบช้ำเมื่อเธอต้องสูญเสียสามีอันเป็นที่รักไปจากการตกตึก แพร็ตมีเพียงลูกสาววัย 6 ขวบ คือ จูเลีย ที่มีอาการหวาดผวาเมื่อต้องออกจากบ้าน บนเที่ยวบินที่มุ่งหน้าไปสู่นิวยอร์ก บ้านเกิดของเธอที่เธอตั้งใจจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเครื่องเริ่มออก เธอเผลอหลับไป ก่อนตื่นมาพบว่า จูเลียได้หายไป เมื่อเธอออกตามหาทุกคนบนเครื่องต่างยืนยันว่าไม่มีใครเห็นจูเลีย และถึงขั้นที่ว่าไม่ได้มีจูเลียอยู่บนเครื่องมาตั้งแต่ต้นแล้ว จนทุกคนต่างเชื่อว่าแพร็ตเป็นเพียงผู้หญิงโรคประสาท

ผู้กำกับ

• Robert Schwentke

บริษัท ค่ายหนัง

• Robert DeNozzi
• Charles J.D. Schlissel
• Brian Grazer

นักแสดง

• Jodie Foster
• Peter Sarsgaard
• Sean Bean
• Erika Christensen

โปสเตอร์หนัง

รีวิว

หมื่นทิพ

ไคลี่ แพรตต์ (Jodie Foster) กับลูกสาวได้เดินทางกลับบ้านด้วยเครื่องบินนะครับ จากเบอร์ลินไปอเมริกา ระหว่างทางไคลี่ก็พลอยหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกที ลูกสาวเธอกลับหายตัวไปไหนก็ไม่รู้ ถามใครๆ ก็บอกไม่มีใครเห็น พอตรวจดูบันทึกผู้โดยสารกลับไม่ปรากฎว่าเธอพาลูกขึ้นมาด้วย แต่ไคลี่แน่ใจว่าเธอพาลูกขึ้นมาแน่ๆ เลยหาทางออกโรงสืบด้วยตัวเอง เพื่อหาคำตอบและช่วยเหลือลูกสุดที่รักกลับคืนมา แว่บแรกที่ดูตัวอย่างนึกถึง The Forgotten ขึ้นมาในบัดดลครับ แต่อันนั้นมันดูก็พอรู้ว่าเป็นแนวไซไฟแน่ๆ แต่กับเรื่องนี้ก็ยังก้ำกึ่ง ว่าจะมีการเฉลยปมอีท่าไหน เป็นไซไฟไปเลยหรือจะเล่นกับเรื่องราวระทึกขวัญสไตล์ Hitchcock อย่างที่หนังโฆษณาไว้แต่ต้น ผลสรุปเป็นอย่างไรก็คงไม่สปอยล์นะครับ ไว้ไปดูกันเอาเองดีกว่า

ถ้าว่ากันถึงตัวหนัง เรื่องลงทุนสร้างฉากและฝีมือดารานี่ไม่มีปัญหา Foster นี่ระดับออสการ์แล้วน่ะนะครับ ยิ่งบทประเภทวิตกจริต ระเบิดอารมณ์นี่ต้องเธอเลยล่ะ ดังนั้นเรื่องการแสดงออกน่ะดีครับ ถึงขีด แต่ปัญหาคือตัวละครของเธอนี่มันออกแนวอาละวาดมากไปสักหน่อย หรือถ้าจะมองว่าเธอกำลังอยู่ในภาวะกดดันซ้ำยังมาห่วงลูกหายเลยก่อการป่วนไปทั้งเครื่องบินก็พอทำเนาล่ะครับ แต่ใจก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเธอสุขุมกว่านี้อีกนิด น่าสงสารกว่านี้อีกหน่อยอาจจะทำให้ความน่าติดตามเพิ่มขึ้นและเราอาจจะเอาใจช่วยเธอเพิ่มขึ้นก็ได้ แต่นี่บางทีก็หงุดหงิดเจ๊แกครับ ทำแต่ละอย่างนี่จะพากันตายทั้งเครื่องบินทั้งนั้น แต่ก็อย่างที่บอกครับ เธอกำลังกดดันน่ะ อีกอย่างคือทุกคนยังมาบอกว่าไม่เห็นลูกเธอขึ้นมาบนเครื่องเลยนี่มันก็น่าอยู่หรอกที่เธอจะคลั่ง อันนี้มองได้หลายแบบดีเหมือนกัน

ส่วนดารารายอื่นๆ ก็สบายๆ ครับ Peter Sarsgaard ในบทเจ้าหน้าที่คาร์สัน ก็แสดงได้เฉียบทีเดียว พอๆ กับดาราหน้าเก่าแต่เก๋าฝีมืออย่าง Sean Bean ในบทกัปตันริช ตอนดูหนังเรื่องนี้บางก็อดคิดถึงเหตุผลไม่ได้ มันเลยพาลจะไม่สนุกเต็มที่ ดังนั้นหากท่านอยากดูหนังเรื่องนี้ให้สนุกนะครับ ต้องอย่าคิดมาก อย่าไปใส่ใจพฤติกรรมรุนแรงของเจ๊แกเยอะนัก ให้พุ่งประเด็นไปที่การเอาใจช่วย คลายปมหาเด็กอย่างเดียว จะช่วยให้ท่านเพลิดเพลินไปกับหนังได้พอสมควร ส่วนการเฉลยนั้น บอกตามตรงว่าออกจะเฉยๆ ครับ… เดาได้ไหม… ก็ส่วนหนึ่งครับ เดาได้ไม่ยากเท่าไหร่ แต่มันเป็นไปได้ค่อนข้างยากน่ะครับ ยากที่ “คำเฉลย” นั้นจะอธิบายว่า คนทั้งเครื่องบินบอกไม่รู้ไม่เห็นได้อย่างไร หรือหนังจะเสียดสีคนสมัยนี้ก็ไม่ทราบ แต่มันออกจะตลกไปหน่อยน่ะ อยู่บนเครื่องแคบๆ แท้ๆ… นั่นคือการมองมุมหนึ่งนะครับ

แต่ถ้ามองให้อีกมุมหนึ่ง เรื่องแบบนี้มันก็ไม่แน่เหมือนกัน การตามแห่ไงครับ ประมาณว่ามนุษย์เราบางครั้งก็สามารถโดนโน้มน้าวในสิ่งที่ตนเองไม่แน่ใจได้ง่ายๆ เช่นใครบางคนบอกว่าไม่เห็นเด็ก ยืนยันอย่างหนักแน่น ที่นี้คนอื่นที่ไม่แน่ใจว่าเห็นหรือเปล่าก็อาจจะเริ่มคล้อยตาม คิดไปเองตามเขาว่าไม่เห็น สุดท้ายก็พลอยบอกว่าไม่เห็นๆๆ กันเป็นแถบๆ มันง่ายเหลือเกินครับที่คนเราจะโดนชี้นำให้คิดไปตามทิศทางที่คนที่น้ำเสียงหนักแน่นกว่ายืนยันเอาไว้ เอาเป็นว่าหนังก็ไม่เลวครับ แต่ไม่ได้ยอดเยี่ยมเฉียบคมขนาดต้องเอามาดูซ้ำ ส่วนแฟนเจ๊ Jodie ก็ดูเถอะครับ บทแบบนี้เจ๊แกถนัดนัก

คอหนังโหด

หนังระทึกขวัญบนเครื่องบินเรื่องเยี่ยม ที่ดูสนุก ลุ้นเอาใจช่วยไปกับตัวละครคุณแม่ ไคล์ แพรตต์ คุณแม่ที่กำลังตกอยู่ในอาการซึมเศร้าจากการสูญเสียสามี เธอนำศพสามีขึ้นเครื่องบินไปนิวยอร์ค แล้วกระเตงลูกสาววัยหกขวบมาด้วย แต่อยู่ดี ๆ ลูกสาวของเธอก็ถูกลักพาตัวหายไปบนเครื่องบิน ซึ่งนั่นทำให้เธอสติแตก คนบนเครื่องบินไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเธอ เพราะคิดว่านางคนนี้ป่วยสติไม่ดี มโนลูกหายไปเอง ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนกำลังตกอยู่ในอันตรายทั้งคน คุณแม่ขาลุยจึงพร้อมปะทะทุกสิ่งกีดขวางเพียงเพื่อที่ตามหาลูกสาวให้เจอ

reesskennedy

Flightplan เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญทางจิตวิทยาที่ดำเนินเรื่องเกือบทั้งหมดบนเครื่องบินจัมโบ้ที่บินอยู่บนฟ้าระหว่างทางไปนิวยอร์กจากเบอร์ลิน โจดี้ ฟอสเตอร์รับบทเป็นไคล์ แม่ที่พบว่าลูกสาวของเธอหายไปหลังจากตื่นจากการงีบหลับ เครื่องบินลำนี้ยังบรรทุกสามีของไคล์ซึ่งเพิ่งเสียชีวิตและนอนอยู่ในโลงศพของเขาในห้องเก็บสัมภาระด้านล่าง ไคล์เริ่มตื่นตระหนกมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เธอกำลังค้นหาลูกสาวบนเครื่องบินแต่ไม่สำเร็จ ลูกเรือเริ่มโต้เถียงกัน โดยมองว่าเธอเป็นบ้าเมื่อตรวจสอบแถลงการณ์การบินและไม่พบหลักฐานว่าลูกสาวของเธอเคยอยู่บนเครื่องบินเลย ดังนั้นจึงเข้าสู่ส่วนทางจิตวิทยาของภาพยนตร์ ไม่เพียงแต่ผู้ชมจะสับสนว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไคล์ก็เริ่มสงสัยเกี่ยวกับความมั่นคงทางจิตใจของตัวเองหลังจากสามีเสียชีวิตหลังจากพูดคุยกับจิตแพทย์บนเครื่องบิน ไม่มีใครแน่ใจว่าจะเชื่ออะไรดี จนกระทั่งเบาะแสเล็กๆ น้อยๆ ทำให้ฟอสเตอร์กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง และกลับมาใช้กลอุบายเหมือนแม็กไกเวอร์เพื่อพยายามค้นหาลูกสาวที่หายไปของเธอ

เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจและค่อนข้างคล้ายกับภาพยนตร์เรื่องก่อนของฟอสเตอร์เรื่อง Panic Room ซึ่งตัวละครแม่ของเธอถูกบังคับให้ไปอยู่ในสถานที่คับแคบที่ไม่มีทางออกใดๆ สอดคล้องกับการแสดงส่วนใหญ่ของฟอสเตอร์ เธอรับบทเป็นผู้หญิงที่มีความมุ่งมั่นและฉลาดหลักแหลมที่สามารถเอาชนะสถานการณ์ที่ยากลำบากได้ ตามที่คาดไว้ ฟอสเตอร์แสดงได้ยอดเยี่ยมและดึงผู้ชมเข้าสู่เรื่องราว อย่างไรก็ตาม ฉันรู้สึกผิดหวัง ฟอสเตอร์มีสิ่งให้เสนอมากกว่าที่ Flightplan ทำได้ Flightplan แม้ว่าจะน่าสนุก แต่ก็ยังคงเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ระทึกขวัญจิตวิทยาที่ประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อผู้ชมไม่สามารถรู้ความจริงได้ตลอดเรื่อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ภาพยนตร์ต้องใส่เบาะแสปลอมๆ และตัวละครที่ดูน่าสงสัยเข้าไปในฉากต้นเรื่องเพื่อให้ผู้ชมตั้งคำถาม

ฉันไม่ชอบเทคนิคนี้ มันเป็นไปได้ที่จะทำให้ผู้ชมรู้สึกลุ้นระทึกและเดาได้โดยไม่ต้องมีเล่ห์เหลี่ยม สำหรับฉันแล้ว เทคนิคนี้ทำให้ความสมบูรณ์ของเนื้อเรื่องลดลง ฉันถูกดึงดูดด้วยแคมเปญการตลาดที่น่าประทับใจของ Flightplan และไปโรงภาพยนตร์ด้วยความตื่นเต้น ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นไปตามสุนทรียศาสตร์ที่โฆษณาไว้ นั่นคือโทนสีน้ำเงินมันวาวที่ทำให้ผู้ชมนึกถึงหิมะที่ตกในเบอร์ลิน การเสียชีวิตของสามีและพ่อ และสถานการณ์ที่โชคร้ายและไม่ให้อภัยที่เกิดขึ้นกับไคล์และลูกสาวตัวน้อยของเธอ และแม้ว่านี่จะทำให้ภาพยนตร์ดูลื่นไหล แต่ในท้ายที่สุด เรื่องราวที่แสนเพ้อฝันและซับซ้อนนั้นไม่สามารถยอมรับได้อย่างสมจริง ฉันออกจากโรงภาพยนตร์ด้วยความรู้สึกถูกหลอกเล็กน้อย ในขณะที่ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องราวและควรได้รับการผ่อนปรนอย่างมากเมื่อต้องพิจารณาถึงความน่าจะเป็น แต่ Flightplan กลับก้าวข้ามขอบเขตของความเป็นไปได้ไปไกลมาก มีปัจจัยมากมายที่ต้องร่วมมือกันสนับสนุนบุคคลคนหนึ่งเพื่อให้เนื้อเรื่องของภาพยนตร์ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

ปัญหาที่แท้จริงของ Flightplan ก็คือ ยิ่งคุณคิดย้อนกลับไปมากเท่าไร คุณก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้นกับความไม่น่าเชื่อของละครตลกเรื่องนี้ ยิ่งคุณรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ กับคำถามที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนบางครั้งอาจกลายเป็นเรื่องไร้สาระ มีภาพยนตร์บางเรื่องที่ไม่ได้ให้คำตอบกับคุณทั้งหมด และไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นไปกับเรื่องราวที่ชวนติดตาม แต่กลับทำให้คุณรู้สึกอิ่มเอมเมื่อได้คำตอบในที่สุด และทุกอย่างก็ลงตัวกันหมด ใน Flightplan บทสรุปก็คือ คุณรู้ตัวการ แต่เมื่อคิดย้อนกลับไป กลับพบว่าไม่มีอะไรลงตัวเลย

poolandrews

แผนการบินเริ่มต้นที่เบอร์ลินในประเทศเยอรมนี เมื่อหญิงม่ายผู้โศกเศร้า Kyle Pratt (Jodie Foster) และลูกสาววัย 6 ขวบของเธอ Julia (Marlene Lawston) ขึ้นเครื่องบินไปนิวยอร์กพร้อมกับสามีที่เสียชีวิตในห้องเก็บสัมภาระซึ่งพวกเขาตั้งใจจะฝังพวกเขากลับในสหรัฐอเมริกา เครื่องบินขึ้นเพื่อเดินทางไกลไปยังนิวยอร์ก Kyle และ Julia ต่างก็หลับไป เมื่อ Kyle ตื่นขึ้นมา Julia ได้หายไป ในตอนแรก Kyle คิดว่า Julia กำลังเดินเตร่ไปที่ไหนสักแห่ง แต่หลังจากตรวจสอบเครื่องบิน Kyle ก็ไม่เห็นสัญญาณของลูกสาวของเธอ ความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับลูกสาวที่หายไปของ Julia จึงเรียกร้องให้ค้นหาเครื่องบิน กัปตัน Rich (Sean Bean) ไม่แน่ใจว่าจะคิดอย่างไรเพราะไม่มีใครจำได้ด้วยซ้ำว่าเห็น Julia และเธอไม่ได้อยู่ในคำประกาศผู้โดยสารด้วย แม้ว่าจะไม่เคยมีบันทึกว่าจูเลียเคยขึ้นเครื่องบินก็ตาม ข้อกล่าวหาของไคล์จึงไม่ได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง แต่เธอก็รู้ว่าจูเลียอยู่ที่ไหนสักแห่งบนเครื่องบิน และไคล์จะพบเธอ…

กำกับโดยโรเบิร์ต ชเวนต์เก้ ต้องบอกว่า Flightplan เป็นหนังระทึกขวัญลึกลับเล็กๆ ที่ยอดเยี่ยมในแนวเดียวกับเรื่องคลาสสิกของอัลเฟรด ฮิตช์ค็อก เรื่อง The Lady Vanishes (1933) แม้ว่าในสองในสามของความยาวเรื่อง แทนที่จะเป็นผู้หญิงชราที่หายตัวไปบนรถไฟ กลับเป็นเด็กผู้หญิงที่หายตัวไปบนเครื่องบิน แต่น่าเสียดายที่หนึ่งในสามส่วนสุดท้ายกลับยุ่งเหยิงเล็กน้อยจนเกินจริงไปมาก ในขณะที่สองในสามส่วนแรกทำได้ดีด้วยการสร้างความตื่นเต้นและความตึงเครียดอย่างค่อยเป็นค่อยไปซึ่งเกี่ยวข้องกับเด็กสาวที่หายตัวไปอย่างลึกลับ คำอธิบายที่นำเสนอในสามส่วนสุดท้ายนั้นช่างไร้สาระและเต็มไปด้วยจุดบกพร่องในเนื้อเรื่อง ดูเหมือนว่าหลังจากสองในสามตอนแรกที่ช้าแต่ก็น่าสนใจ ผู้สร้างตัดสินใจว่าพวกเขาจำเป็นต้องเพิ่มแอคชั่นและจังหวะ และเปลี่ยนมันให้กลายเป็นหนังระทึกขวัญแอคชั่นที่มีการต่อสู้ การยิง การระเบิด และการเผชิญหน้ากันระหว่างนางเอกกับตัวร้าย พล็อตโหว่บางอย่างก็กว้างและใหญ่เกินกว่าจะมองข้ามได้ เช่น แนวคิดที่ว่าสายการบินจะจ่ายเงินค่าไถ่จำนวนมากให้กับผู้ก่อการร้ายที่พวกเขาไม่เคยพูดคุยด้วยเลย

ตัวร้ายจะคาดหวังได้อย่างไรว่าจะได้เงินมา? พวกเขามีหลักฐานอะไรว่าเงินนั้นถูกฝากเข้าบัญชีธนาคารจริง ๆ แนวคิดที่ว่าผู้หญิงสามารถขึ้นเครื่องบินกับเด็กสาวและไม่มีใครสังเกตเห็นเด็กสาวคนนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ การลักพาตัวและซ่อนเด็กสาวอีกครั้งโดยไม่มีใครเห็นอะไรเลยนั้นยากที่จะเชื่อ และแผนการของตัวร้ายก็ซับซ้อนเกินไปอยู่แล้ว โดยอาศัยความบังเอิญ โชค และโอกาสล้วน ๆ ที่จะประสบความสำเร็จ และพวกเขาจัดการขึ้นเครื่องบินลำเดียวกับไคล์ได้อย่างไร? พวกเขารู้ได้อย่างไรว่าไคล์จะคลั่งและเปิดโลงศพจริง ๆ พวกเขาจะแน่ใจได้อย่างไรว่าพวกเขาอยู่ที่นั่นเมื่อไคล์เปิดโลงศพ? การลักพาตัวเด็กสาวในห้องโดยสารที่เต็มไปด้วยผู้โดยสารถือเป็นเรื่องเสี่ยงอย่างยิ่ง จะเป็นอย่างไรหากไคล์ไม่ได้เข้านอนหรือจูเลียตื่นขึ้นมาแล้วกรี๊ดขึ้นมา เรื่องราวดำเนินไปอย่างช้าๆ ประมาณ 90 นาที และแม้ว่าจะดูไร้สาระมากในตอนท้าย แต่สองในสามส่วนแรกนั้นค่อนข้างดี ตัวละครมีเนื้อเรื่องไม่มากนัก ไม่มีใครได้รับภูมิหลังใดๆ และแม้แต่ไคล์ก็เป็นเพียงตัวละครที่ตื้นเขินมากในขณะที่ลูกสาวของเธอพูดได้แค่สองบทเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการพยายามพลิกกลับความคาดหวังอย่างรวดเร็วเมื่อชายอาหรับที่ดูน่าสงสัยอย่างโจ่งแจ้งพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นคนดี ในขณะที่ฮีโร่ชาวอเมริกันผู้ปกป้องบนเที่ยวบินกลับกลายเป็นสไลม์

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

Sabel Is Still Young (2022)

Dark Tide (2012) ล่านรกใต้สมุทร

Apt Pupil (1998) พลิกหลักสูตรมรณะ

Scary Stories to Tell in the Dark (2019) คืนนี้มีสยอง

My Father is a Hero (1995) ต้องใหญ่ให้โลกตะลึง (ครั้งนี้หัวใจใครก็เจ็บไม่ได้)