เรื่องย่อ : Spell (2020) อาถรรพ์มนตรา ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี NungHD หนังเต็มเรื่อง พากย์ไทย ซับไทย ดูหนังใหม่ 2024
ขณะบินไปร่วมงานศพของพ่อในเมืองแอปพาเลเชีย พายุที่รุนแรงทำให้มาร์ควิส (โอมารีฮาร์ดวิค) สูญเสียการควบคุมเครื่องบินที่บรรทุกเขาและครอบครัว เขาตื่นขึ้นมาได้รับบาดเจ็บเพียงลำพังและติดอยู่ในห้องใต้หลังคาของ Ms. Eloise (Loretta Devine) ผู้ซึ่งอ้างว่าเธอสามารถดูแลเขาให้กลับมามีสุขภาพดีได้จากพิธีกรรม บททดสอบครั้งใหญ่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
จากยุค 70-80 ในหนังสยองขวัญตัวละครผิวสีมักมีบทบาทอยู่ไม่กี่อย่าง หลักๆก็มาเป็นตัวตลกปล่อยมุก ไม่ก็ตัวประกอบหลักที่ต้องมีแต่ที่แน่ๆมักเป็นตัวละครที่ตายก่อนเป็นลำดับต้นๆ ‘การตื่นรู้’ ในสิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้สร้างในยุค90 และ 2000 ถัดมาเหมือนเริ่มมีสติมากขึ้น แต่ก็แก้ปัญหาด้วยการให้เป็นตัวละครที่ตายลำดับหลังๆแทน หรือไม่ก็เป็นตัวละครที่พึ่งพาได้ (แต่สุดท้ายก็ตายอยู่ดี) ส่วนในปีหลัง 2010 ประเด็นผิวสีเริ่มชัดเจนขึ้นในวงการภาพยนตร์ ทำให้หนังสยองขวัญเริ่มมีตัวเอกเป็นตัวละครผิวสีมากขึ้น แถมให้ความรู้สึกสยองมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะนอกจากจะสยองจากเหล่าวายร้ายในเรื่องแล้ว ในสภาพแวดล้อมหากตัวละครผิวสีไปอยู่ในชุมชนชาวผิวขาวแค่นั้นเราก็รู้สึกไม่ไว้ใจกับบรรยากาศเหล่านั้นแล้ว
(ไม่เชื่อก็ลองนึกถึงหนังปี 2018 อย่าง Green Book สิ ขนาดนั่นไม่ใช่หนังสยองขวัญนะ)
ดังนั้นนอกจากยังได้หนังสยองเทรนด์ใหม่ๆ เรายังได้ความน่ากลัวที่เกิดจากการแบ่งชนชั้นและเชื้อชาติด้วย Spell ก็จัดว่าเป็นหนังสยองที่อยู่ในข่ายเทรนด์นี้ เพียงแต่มันแอบสวนกระแสหน่อยๆตรงที่เอาบรรยกาศความไม่น่าไว้ใจที่คนขาวจะคุกคามออกไป และใส่ความไม่น่าไว้ใจของคนผิวสีด้วยกันเองเข้าไปแทน พูดง่ายๆคือมันเป็นconflict ของคนผิวสีด้วยกันเอง
•••••เรื่องย่อ•••••
‘มาควิส’ ชายชาวผิวสีผู้มีหน้าที่การงานและครอบครัวอยู่ในระดับดีถึงดีมากได้รับมรดกจากพ่อที่อยู่ชุมชนอันค่อนข้างไกล เค้าจึงพาครอบครัว (เมีย และ ลูกวัยทีนเอจอีก 2 คน) นั่งเครื่องบินส่วนตัวไปยังบ้านพ่อ ด้วยสภาพอากาศเลวร้ายทำให้เครื่องบินเสียการทรงตัวและร่วงลง มาควิส ตื่นมาอีกทีในบ้านของชาวบ้านชาวผิวสีที่ทำการดูแลรักษา ส่วนครอบครัวของเค้าสูญหาย ระหว่างรักษาตัว มาควิส เริ่มรู้สึกเหมือนเค้าโดนกักขังหน่วงเหนี่ยวมากกว่าเอามารักษา สุดท้ายมารู้ว่าครอบครัวที่เก็บเค้ามานั้นมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับมนตร์ดำและพิธีการของศาสตร์มืด แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่เต็มร้อย มาควิส จะสืบเรื่องของสมาชิกครอบครัวของเค้า และเอาชีวิตรอดจากครอบครัววูดูนี้อย่างไร
••••••
หนังเหมือนการผสมผสานระหว่าง Misery (ของสตีเฟน คิง) กับ เวทมนตร์วูดู บวกด้วยครอบครัวโรคจิต ซึ่งอาจเป็นการวางพล็อตและตัวละคร ที่อาจทำให้หนังน่าสนใจ แต่นั่นเป็นเพียงช่วงต้นเรื่องเท่านั้น ในช่วงกลางหนังเล่นวนๆกับการเอาตัวรอดของพราะเอก (มาควิส) แล้วก็โดนจับ วกวนไปมา 2-3 รอบ ทำให้แอบเซ็งๆอยู่นิดๆ ก่อนจะแก้ปัญหาให้พราะอกด้วยการมี’ของ’ ทำให้สามารถรับมือกับครอบครัววูดูโรคจิตนี้ได้อย่างหน้าตาเฉย สรุปเป็นหนังที่ทำออกมาดูน่าสนใจแต่สุดท้ายหนังก็แค่อยู่ในระดับพอดูได้ ความสนุกมีขึ้นๆลงๆ ไม่น่าเบื่อมาก บรรยากาศเฉยๆ แต่ก็ลุ้นได้เป็นบางระยะ หากไม่คิดอะไรมากก็พอดูจนจบแบบโอเคๆ ไม่แย่แต่ก็ไม่ได้เลิศหรูอะไร
6 /10
บางคนเปรียบเทียบ Spell กับ Misery และฉันเข้าใจดีว่าผู้ชายคนหนึ่งถูกอุ้มอยู่บนเตียงในขณะที่เท้าได้รับบาดเจ็บ แต่การเปรียบเทียบนี้ก็ไม่มีความหมาย Misery ดีกว่ามาก มีความระทึกขวัญมากกว่าและนักแสดงก็ดีกว่า ถึงอย่างนั้น Spell ก็ไม่ได้แย่ มีความระทึกขวัญพอสมควร แต่เรื่องราวไม่ค่อยน่าเชื่อนักเพราะมีบางฉาก ผู้ชายที่ได้รับบาดเจ็บไม่สามารถทำสิ่งที่เขาทำได้ นั่นเป็นเรื่องจริง และรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ทำให้คุณภาพของเรื่องราวลดลง การแสดงค่อนข้างดี ไม่มีอะไรจะบ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากคุณไม่เรื่องมากเรื่องรายละเอียดและต้องการเพลิดเพลินกับความบันเทิงที่ระทึกขวัญ Spell ก็คุ้มค่าที่จะดู แต่มันจะไม่ใช่หนังคลาสสิกอย่าง Misery
6 /10
หนังเรื่องนี้มีอะไรใหม่ๆ ให้กับแนวสยองขวัญบ้างหรือเปล่า ไม่เลย ไม่มีอะไรใหม่เลย แต่ฉันก็ยังชอบอยู่ดี หลายคนไม่ชอบหนังเรื่องนี้เพราะมันไม่มีอะไรใหม่ แต่เดี๋ยวก่อน คุณไม่รู้เรื่องนี้เหรอ ฉันรู้แล้ว ฉันไม่สนใจเลย ฉันพร้อมที่จะดูหนังสยองขวัญแบบเดิมๆ ที่มีเวทมนตร์ฮูดู และนั่นคือสิ่งที่ฉันได้รับ นักแสดงเล่นได้ดีและนักแสดงเกือบทั้งหมดเป็นคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน ตัวละครหลักสองคนของเราเล่นโดย Omari Hardwick และ Loretta Devine พวกเขารู้วิธีการแสดง ถ้าคุณอยากจะบ่นเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาทำได้ดี แต่ก็อย่าตำหนิพวกเขาในเรื่องนี้ เพราะพวกเขาแบกรับทั้งเรื่อง โดยส่วนตัวแล้ว ฉันสนุกกับการหักมุมเล็กๆ น้อยๆ ของหนังแนว Misery นี้ ถ้าคุณไม่คิดว่าคุณอยากดูอะไรแบบนี้ ก็อย่าดูเลย ถ้าคุณคิดว่ามันน่าสนใจ ก็ดูเลย มันอาจจะไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกแย่ แต่ก็มีช่วงเวลาที่น่าเขินอายอยู่บ้างพร้อมกับการแสดงที่ยอดเยี่ยมจากตัวละครหลักสองคนของเรา ตามจริงแล้ว นักวิจารณ์ท่านอื่น ๆ เหล่านี้ดูเป็นคนเบื่อหน่ายมากกว่าที่จะเต็มใจให้เครดิตกับผู้ที่สมควรได้รับ
ฉันชอบมัน มีการตัดสินใจที่น่าสงสัยหลายอย่าง ฉากที่น่าสงสัยบางฉาก เรื่องราวที่ทำให้กองทัพพีซีไม่พอใจ (โอ้ เพราะเราไม่สามารถสร้างภาพยนตร์สยองขวัญที่มีคนในชนบทได้อีกต่อไปแล้ว…) มีหลายสิ่งที่ไม่น่าจะได้ผล แต่สำหรับฉัน มันได้ผลในฐานะภาพยนตร์ระทึกขวัญที่ดี ใช่แล้ว มันไม่ใช่หนังสยองขวัญเสียทีเดียว บางครั้งคุณอาจมีความรู้สึกแบบยุค 80 (“ไปเอาลูว์ไวส์มา”) มันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นหนังเล็กๆ แต่เป็นหนังเล็กๆ ที่สบายๆ ตึงเครียด แสดงได้ดี มีบรรยากาศ มีสไตล์ และคุณมักจะมองหาสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป ไม่ได้ผลสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ได้ผลสำหรับฉัน นั่นแหละ
เรื่องนี้มันน่าทึ่งไหม? ฉันจะไม่ใช้คำนั้น มันมีประโยชน์ไหม? ฉันเห็นด้วย หลังจากหนังของ Tyler Perry ที่ห่วยแตกและการละเลยของหนังคนผิวสีในฐานะหัวจักรสำคัญในวงการหนัง เรื่องนี้ทำให้ฉันประหลาดใจ ไม่ใช่เพราะเนื้อเรื่องมากนัก แต่เพราะความกล้าหาญที่จะทำให้หนังสยองขวัญเป็นไปในแบบที่ควรจะเป็น: โดยไม่ลำเอียง อย่างที่ฉันได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ เรื่องราวไม่ได้พิเศษอะไรมาก แต่ก็ทำให้ฉันประหลาดใจหลายครั้งด้วยคุณภาพของการแสดง บรรยากาศ และความตระหนักรู้โดยรวมว่าการผลิตพยายามจะบรรลุอะไร ฉันตั้งตารอที่จะได้ดูเรื่องแบบนี้อีก ไม่ใช่หนังของคนผิวสีหรือคนขาว แค่หนังสยองขวัญที่ครบเครื่องแบบที่เราไม่ค่อยได้เห็นกันอีกต่อไป
Unhinged (2020) เฮียคลั่ง! ดับเครื่องชน
Strange Days (1995) สิ้นศตวรรษ วันช็อกโลก
...โปรดรอสักครู่...