เรื่องย่อ : Regression (2015) รีเกรสชั่น สัมผัส…ผวา ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี NungHD หนังเต็มเรื่อง พากย์ไทย ซับไทย ดูหนังใหม่ 2024
ในเมืองฮอยเออร์รัฐมินนิโซตาในปี 1990 นักสืบบรูซ เคนเนอร์ทำการสืบสวนคดีของจอห์น เกรย์ ซึ่งสารภาพว่าได้ล่วงละเมิดทางเพศแองเจลา ลูกสาววัย 17 ปีของตน แต่จำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ พวกเขาจึงขอความช่วยเหลือจากศาสตราจารย์เคนเนธ เรนส์ เพื่อใช้การบำบัดด้วยการฟื้นฟูความทรงจำกับจอห์น เกรย์ เพื่อเรียกคืนความทรงจำของเขา และเกิดความสงสัยว่าเพื่อนร่วมงานของพวกเขา นักสืบจอร์จ เนสบิตต์ มีส่วนเกี่ยวข้อง พวกเขาจึงควบคุมตัวเขาไว้ แต่ไม่พบหลักฐานที่เอาผิดเขาได้ นักสืบสงสัยว่าลัทธิซาตานมีส่วนเกี่ยวข้องจากคำให้การของแองเจลา ซึ่งแองเจลาบอกว่าเธอถูกล่วงละเมิดโดยคนสวมหน้ากาก และมีคนถ่ายรูปไว้ บรูซและเคนเนธพบกับรอย เกรย์ พี่ชายที่ห่างเหินของแองเจลาในเมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย Regression เพื่อสอบถามว่าทำไมเขาจึงออกจากบ้านไป เขาใช้เทคนิคการย้อนเวลาเพื่อเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชายในชุดคลุมศีรษะที่เข้ามาในห้องของเขาตอนที่เขายังเด็ก บรูซและเคนเนธสงสัยว่าคุณย่าของรอย โรส เกรย์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่กลับไม่พบอะไรเลยหลังจากค้นบ้านของเธอ ในขณะเดียวกัน บรูซก็เริ่มฝันร้ายเกี่ยวกับพิธีกรรมของซาตาน แองเจลาบอกเขาว่าลัทธินี้กำลังพยายามฆ่าเธอ เพราะเธอแสดงสัญลักษณ์ของซาตานให้เขาเห็น และเขาก็ตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน เธอบอกเขาว่าแม่ของเธอได้รับสายโทรศัพท์ต่างๆ และเห็นร่างประหลาดจ้องมองเธอบนถนนก่อนที่เธอจะประสบอุบัติเหตุ บรูซเริ่มประสบกับสิ่งเดียวกัน และฝันร้ายของเขาก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น
6/10
Alejandro Amenábar ผู้กำกับที่หลายคนจดจำได้ดีจากหนังระทึกขวัญชั้นยอดอย่าง Tesis, Abre los ojos (Open Your Eyes) และ The Others กลับมาอีกหนในหนังแนวระทึก+สยอง+ลึกลับ ซึ่งจริงๆ น่าจะเป็นอะไรที่พี่แกถนัดน่ะนะครับ และงานนี้พี่แกเขียนบทเองด้วยครับ กับเรื่องราวการสืบสวนของบรูซ เคนเนอร์ (Ethan Hawke) ที่รับหน้าที่สืบคดีล่วงละเมิดทางเพศของสาวน้อยคนหนึ่ง (Emma Watson) แต่ไปๆ มาๆ ทำท่าว่าคดีนี้จะมีเรื่องเหนือธรรมชาติ มีลัทธิซาตานอยู่เบื้องหลัง ในแง่ของการสร้างความระทึกขวัญ ถือว่า Amenábar ยังทำได้เป็นพักๆ ครับ บางฉากก็ระทึกและหลอนไม่เลว ช่วงต้นๆ หนังก็ทิ้งปมได้น่าสนใจครับ แต่ในแง่ความน่าติดตามแล้วถือว่ายังไม่มาก ว่าง่ายๆ คือมีฉากชวนระทึกดีๆ อยู่บ้าง แต่หากว่ากันโดยรวมๆ แล้ว บทยังไม่ดึงดูดให้ติดตามพอ และการเดินเรื่องที่น่าสนใจช่วงต้นก็มาออกแนวเนือยในตอนท้าย และหากใครเป็นคอหนังแนวนี้ล่ะก็ น่าจะพอเดาบทสรุปได้ไม่ยาก
ครับ ถ้าว่ากันถึงตัวหนังแล้ว ถือว่าออกมาเรื่อยๆ ไม่ได้เลวร้ายหนักหนา แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นเป็นพิเศษ จริงๆ ผมมองว่าบทสรุปที่พอเดาได้นั้นไม่เชิงเป็นปัญหาหรอกครับ เพราะจริงๆ อย่าง The Others น่ะก็มาพร้อมบทสรุปที่หนังดังๆ เคยเล่นกันมาแล้ว แต่ด้วยจังหวะการนำเสนอ และการหลอกล่อที่ได้ผล ทำให้เราพร้อมโอบรับบทสรุปหักมุม (แบบที่พอเดาได้) อันนั้นไว้อย่างเต็มใจ แต่กับเรื่องนี้ พลังความระทึกไม่มากเท่าคราวก่อนครับ ดีเป็นบางฉาก แต่ถ้าว่ากันรวมๆ ก็มีฉากเนือยมากกว่าฉากที่ดี ในแง่นักแสดง จริงๆ ไม่มีปัญหานะ Hawke ไปได้ดีกับบทแนวนี้ครับ พอมาสังเกตดีๆ พบว่าระยะหลังแกเล่นบทประมาณนี้ในหนังสยองหรือไม่ก็ลึกลับอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะ The Purge, Sinister และ Predestination ซึ่งพี่แกก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ
เช่นเดียวกับ Watson ที่ขยันสรรหาบทมาพิสูจน์ฝีมือตนเอง ซึ่งเธอก็เล่นได้ดีนั่นแหละครับ แต่บทยังไม่ส่งเท่าไร เพราะจริงๆ แล้วด้วยอะไรหลายๆ อย่างทำให้บท แองเจล่า เกรย์ คนนี้มีอะไรให้เล่นเยอะ ยิ่งช่วงท้ายนี่เธอสามารถขโมยความเด่นได้เลยล่ะ เพียงแต่ผลลัพธ์ที่ออกมานั้น บทเธอยังไม่ได้รับการขับเน้นแบบเต็มที่สักเท่าไร อันนี้ก็แอบเสียดายเหมือนกันครับ เพราะถ้าบทเปิดโอกาสกว่านี้ เธอก็คงได้ทำอะไรมากกว่านี้ สรุปคร่าวๆ ว่าหนังระทึกลึกลับเรื่องนี้ยังไม่ลงตัวเท่าที่ควรครับ Regression ดูได้เรื่อย แต่ไม่น่าจดจำเท่าผลงานเรื่องก่อนๆ ของ Amenábar จังหวะต่างๆ ยังไม่มีพลังเท่าไร (ถัดจากนี้อาจจะมีสปอยล์นะครับ ไม่อยากทราบก็ข้ามๆ ไปครับ) แม้หนังจะไม่ลงตัวเท่าไร แต่ผมชอบสารที่หนังสื่อนะครับ มันเล่นกับเรื่องความเชื่อได้ดี มันตั้งคำถามเกี่ยวกับ “ความเชื่อบนความกลัว” ของคนเราได้อย่างน่าสนใจ เพราะต้องยอมรับครับว่าหลายครั้งโลกเราปั่นป่วนด้วยความกลัว และหลายคนก็ตักตวงผลประโยชน์โดยเอาความกลัวนี่แหละมาเป็นเครื่องมือชั้นดี
ความเชื่อบนความกลัวสามารถเป็นหมอกควันที่อำพรางความจริงได้อย่างดี โดยเฉพาะประเทศที่ประชาชนมีความเชื่อฝังหัวกันมากๆ (อย่างบ้านเราก็เข้าข่ายนะ จะว่าไป) ซึ่งความเชื่อเป็นเรื่องส่วนบุคคลก็จริงครับ แต่มันก็เหมือนเรื่องส่วนบุคคลทุกเรื่องนั่นแหละ นั่นคือมันสามารถส่งผลถึงชีวิตอื่นๆ รอบตัวบุคคลคนนั้นได้ ความหายนะ ความวุ่นวาย ความโกลาหล และความเสียหายมากมาย เกิดขึ้นจากความเชื่อส่วนบุคคลที่ส่งผลกระทบไปยังสังคมนั่นเอง ก็เหมือนบุหรี่น่ะครับ เราสูบ เราอัดควัน แต่ถ้ามีใครอยู่ใกล้ก็อาจจะตายเพราะมันได้ไม่น้อยไปกว่าเรา บุหรี่ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลครับ อยากสูบก็สูบ มันเรื่องของฉัน แต่สำหรับความจริงทางธรรมชาติแล้ว มันไม่มีคำว่าส่วนบุคคลหรอกครับ มันขึ้นกับกฎง่ายๆ ว่า “เหตุเป็นอย่างไร ผลก็เป็นอย่างนั้น” ดังนั้นต่อให้เราบัญญัติคำว่า “เรื่องส่วนบุคคล” ให้ศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน แต่ธรรมชาติไม่แคร์หรอกครับ มันจะจัดสรรผลลัพธ์กระจายไปถึงคนอื่นๆ ได้ตามหลักเหตุและผลเสมอ พอคิดถึงตรงนี้ก็ได้แต่ทำใจครับ เพราะชีวิตเราทุกวันนี้ มีหลายเรื่องเลยล่ะที่เราต้องมารับผล อันเนื่องมาจากการกระทำ การตัดสินใจ การเลือก และความเชื่อ “ส่วนบุคคล” ของคนอื่นๆ สังคมมันเลยเหมือนกวนกาละแมอยู่ทุกวันนี้นั่นปะไร ^_^
หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังธรรมดา 7 คะแนน – ฉันมักจะให้คะแนนหนังดีๆ แต่ไม่ได้ยอดเยี่ยม ส่วน Regression ในบางแง่แล้วได้ 8 คะแนน หรือกล้าพูดได้เลยว่า 9 คะแนน แต่ข้อบกพร่องบางอย่างก็แย่เกินกว่าจะมองข้ามได้ ฉันจะเริ่มด้วยการพูดถึงจุดแข็งของหนังก่อน โครงเรื่องและบทหนังนั้นชวนติดตาม คาดเดาไม่ได้ และสดใหม่ มีการพลิกผันมากพอที่จะทำให้ผู้ชมเดาไม่ถูก และเนื่องจากไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริง หนังเรื่องนี้จึงน่ารำคาญและไม่สบายใจที่จะรับชม การพลิกผันที่เกิดขึ้นในระหว่างหนังนั้นไม่ใช่เรื่องที่เกินจริง – ผู้ชมที่ใส่ใจจะสังเกตเห็นเบาะแสเล็กๆ น้อยๆ ได้หลายอย่าง การแสดงนั้นดีและตัวละครสามารถโน้มน้าวให้เราเชื่อบทบาทของตนได้สำเร็จ ส่วนใหญ่ แล้วอะไรผิดปกติ? อันดับแรกและสำคัญที่สุด แม้ว่านางเอกจะเป็นนักแสดงที่ดี แต่สำเนียงอเมริกันของเธอก็ยังไม่สามารถโน้มน้าวให้เราลืมเฮอร์ไมโอนี่ไปได้ ประการที่สอง แม้ว่าฉันจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบยุติธรรมของอเมริกา แต่แนวทางปฏิบัติและการกระทำบางอย่างของตำรวจดูน่าสงสัยและไม่สมจริง นักจิตวิทยาเป็นคนซ้ำซากและน่ารำคาญ โดยชอบดูหมิ่นคนแปลกหน้าที่นับถือศาสนา ตอนจบเป็นช่วงที่ไม่ค่อยดีนักเมื่อการเปิดเผยครั้งใหญ่เกิดขึ้น และดูเหมือนว่าผู้เขียนพยายามปลุกบรรยากาศให้คึกคักขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ไม่เกิดขึ้น ตอนจบยังค่อนข้างยากที่จะเข้าใจอย่างมีเหตุผล
หนังแนวลึกลับ/ระทึกขวัญเป็นหนังที่ฉันชอบมากที่สุด ฉันชอบหนังแนวนี้นะ เพราะคุณจะได้ผ่อนคลายและพยายามหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น บางครั้งมันก็แย่ บางครั้งมันก็ดีเหมือนเรื่องนี้ ฉันมองไม่เห็นจุดจบและนั่นคือสิ่งที่ฉันชอบที่สุดเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าฉันจะอยากให้มีตอนจบอีกสักตอน แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะมันทำให้ฉันประหลาดใจและฉันก็ชอบมัน โดยเฉพาะเมื่อได้นักแสดงดีๆ อย่างอีธาน ฮอว์คและเอ็มม่า วัตสันมาแสดงด้วย นักแสดงคนอื่นๆ ก็มีคุณภาพเหมือนกัน ฉันสนุกกับฉากมืดๆ ใน Regression มาก อเลฮานโดร อเมนาบาร์ทำได้ดีมาก ฉันจะดูหนังของเขาอีกแน่นอน ฉันเข้าใจนะว่าบางคนอาจไม่ชอบหนังเรื่องนี้ แต่การให้คะแนนต่ำกว่าห้าคะแนนมันช่างไร้สาระ นั่นคือมุมมองของฉัน แน่นอนว่าเมื่อคุณเห็นหนังขยะจำนวนมากที่ได้คะแนนมากกว่า Regression
Side Effects (2013) สัมผัสอันตราย
...โปรดรอสักครู่...