Biography หนังชีวิตจริง ภาพยนตร์ชีวประวัติหรือภาพยนตร์ชีวประวัติ คือภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดชีวิตของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลจริง ภาพยนตร์ประเภทนี้จะแสดงให้เห็นชีวิตของบุคคลในประวัติศาสตร์และใช้ชื่อจริงของตัวละครหลัก ภาพยนตร์ประเภทนี้ แตกต่างจากภาพยนตร์สารคดีและภาพยนตร์ดราม่าอิงประวัติศาสตร์ตรงที่ภาพยนตร์ประเภทนี้จะพยายามเล่าเรื่องราวชีวิตของบุคคลเพียงคนเดียวอย่างครอบคลุม หรืออย่างน้อยก็ช่วงปีที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของชีวิตพวกเขา หากพูดถึงหนังหรือภาพยนต์แล้ว หนึ่งในแนวที่ได้รับความน่าสนใจและดึงดูดผู้ชมหลายกลุ่มให้มารับชม นั่นก็คือ “หนังที่สร้างจากเรื่องจริง” หรือ เค้าโครงมาจากเรื่องจริง ด้วยเนื้อหาที่อิงความจริงและบางเรื่องเข้าใกล้ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นทุกวัน คุณลักษณะแบบนี้ของหนังแนวนี้ จึงทำให้ผู้ชมหลงไหลและชื่นชอบแนวนี้กันอยู่เยอะ โดยในวันนี้ทางเราจะมาแนะนำหนังที่มีเค้าโครงจากเรื่องจริงให้กับเพื่อน ๆ กัน หนัง Biography หรือหนังชีวิตจริง นอกจากจะให้ความบันเทิงแล้ว ยังมีคุณค่าทางจิตใจ ช่วยสร้างแรงบันดาลใจและมอบบทเรียนชีวิตที่มีค่าให้กับผู้ชม หากคุณกำลังมองหาภาพยนตร์ที่ช่วยเติมพลังชีวิต หนังแนวนี้อาจเป็นตัวเลือกที่คุณไม่ควรพลาด! รอบนี้เอาใจคนรักหนัง ! ช่วงหลังมานี้เริ่มมีหนัง Based on True และหนังดีๆ เยอะมาก หรือแม้แต่สารคดีเองก็ปล่อยออกมาให้ดูเช่นกัน วันนี้ซิปเลยขอมัดรวม หนังที่สร้างจากเรื่องจริง ที่ควรค่าแก่การดู พล็อตเข้มข้น มีหลายเรื่องราว ทั้งชีวประวัติบุคคลสำคัญ อาชญากรรม เรื่องซ่อนเร้นลี้ลับ เหตุการณ์ภัยพิบัติต่างๆ หรือแม้แต่เรื่องราวเล็กๆ ที่จะทำให้เราตราตรึง แถมยังมีเกร็ดความรู้และข้อคิดเตือนใจกลับไปอีกด้วย
[read more]
ทำไมหนังชีวิตจริงถึงได้รับความนิยม?
เหตุผลหลัก ๆ คือ ความจริงใจและความสมจริงของเรื่องราว ชีวิตของแต่ละคนล้วนมีความไม่สมบูรณ์แบบ มีทั้งความสุขและความทุกข์ หนังแนว Biography จึงเป็นการสะท้อนชีวิตจริงที่ช่วยให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อมโยงและได้รับแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กับปัญหา หรือการไม่ย่อท้อต่อความลำบาก
ลักษณะเด่นของหนัง Biography
หนังชีวิตจริงมักจะนำเสนอเรื่องราวที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความท้าทาย และการเอาชนะอุปสรรค ภาพยนตร์เหล่านี้มักมีการถ่ายทอดความรู้สึกและประสบการณ์ของตัวละครหลักอย่างลึกซึ้ง ซึ่งช่วยให้ผู้ชมสามารถเข้าใจและเชื่อมโยงกับเรื่องราวได้อย่างใกล้ชิด ลักษณะเด่นอื่น ๆ การเล่าเรื่องที่อิงจากข้อเท็จจริง , การแสดงที่สมจริงและทรงพลัง , การใช้ฉากและสถานที่ที่สื่อถึงชีวิตจริง
หนังชีวิตจริงมักจะเล่าเรื่องของคนที่มีความโดดเด่นในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาที่ชนะใจคนทั้งโลก นักการเมืองที่เปลี่ยนแปลงประเทศ หรือศิลปินที่สร้างความงามให้กับโลก หนังประเภทนี้มักจะมีความน่าสนใจที่อยู่ในความจริงของชีวิต เพราะไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จหรือความล้มเหลว ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับคนจริง ๆ หนึ่งในความน่าสนใจของหนังชีวิตจริงคือการที่ผู้ชมสามารถสัมผัสกับความเป็นมนุษย์ของคนที่พวกเขาอาจไม่เคยรู้จักมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ ความสุข ความหวัง และความผิดหวัง หนังประเภทนี้มักจะทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของคนเหล่านั้น และได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของพวกเขา หนัง Biography มีมากมายที่น่าจดจำและเป็นที่พูดถึงของคนทั่วโลก หนึ่งในนั้นคือ “The Social Network” ซึ่งเล่าเรื่องของมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง Facebook ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่เล่าเรื่องของความสำเร็จของเขา
แต่ยังเผยให้เห็นถึงความท้าทายและปัญหาที่เขาต้องเผชิญในระหว่างการก่อตั้ง Facebook อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจคือ “Bohemian Rhapsody” ซึ่งเล่าเรื่องของเฟรดดี้ เมอร์คูรี่ นักร้องนำของวง Queen ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ชมได้รู้จักกับความสำเร็จของวง Queen แต่ยังเผยให้เห็นถึงความทุกข์และความสุขของเฟรดดี้ เมอร์คูรี่ในชีวิตส่วนตัวของเขา ความหมายของหนังชีวิตจริง หนังชีวิตจริงไม่ใช่เพียงการบันทึก ประวัติศาสตร์ แต่เป็นการสะท้อนถึงความเป็นมนุษย์ในทุกแง่มุม หนังประเภทนี้มักจะทำให้ผู้ชมได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของคนที่พวกเขาอาจไม่เคยรู้จักมาก่อน และได้แรงบันดาลใจจากความสำเร็จของพวกเขา หนังชีวิตจริงมักจะทำให้ผู้ชมได้คิดและสะท้อนถึงชีวิตของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ ความสุข ความหวัง และความผิดหวัง หนังประเภทนี้มักจะทำให้ผู้ชมได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของคนที่พวกเขาอาจไม่เคยรู้จักมาก่อน และได้แรงบันดาลใจจากความสำเร็จของพวกเขา หนังสร้างจากเรื่องจริง จะเห็นได้ว่าในบางเรื่องก็มีการอิงเหตุการณ์ต่างๆ และนำมาจำลองลงในหนังให้สมจริงที่สุด หรือในบ้างเรื่องก็มีการนำมาปรุงแต่งปรับเป็นงานเขียนก่อนจะกลายเป็นภาพยนต์หรือหนัง บางเรื่องก็สามารถเป็นสื่อบันเทิงได้ และในบางเรื่องเองก็สามารถเป็นความรู้ได้ด้วยเช่นเดียวกัน โดยอาจจะพูดได้ว่า หนังที่สร้างจากเรื่องจริงนั้น จะเปรียบเหมือนการนำเรื่องราวเหตุการณ์ต่าง ๆ มาทำเป็นสื่อร่วมสมัยก็คงไม่ผิด
การันตีรางวัลที่ทุกคนควรหามาดูซักครั้งในชีวิต จัดเต็มความอลังการงานสร้าง แอ็คชั่นสนุกสุดมันส์ ที่นำมาเล่าเรื่องผ่านภาพยนตร์จะมีสงครามครั้งไหนและภาพยนตร์เรื่องอะไรบ้างมาดูกันเลย
12 Stronger
คือเรื่องราวของหน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษสหรัฐที่ถูกส่งไปยังถิ่นธุรกันดารในอัฟกานิสถาน ในช่วงเวลาไม่ถึงอาทิตย์หลังเหตุการณ์ 9/11 เหล่าทหารต้องร่วมมือกับผู้นำกองกำลังฝ่ายเหนือ นายพล อับดุล ราชีด ดอสตุม ในการต่อกรกับกองทัพตาลิบันที่มีจำนวนมากกว่าหลายเท่า เพื่อนำสันติสุขกลับมาสู่แผ่นดินอีกครั้ง
American Sniper อเมริกัน สไนเปอร์ (2014)
สไนเปอร์โคตรพระกาฬแห่งหน่วยซีลของกองทัพสหรัฐฯ คริส ไคล์ (แบรดลีย์ คูเปอร์) ถูกส่งตัวไปที่อิรักพร้อมภารกิจปกป้องเหล่าพี่น้องทหาร ความแม่นยำของเขาได้ช่วยชีวิตในสมรภูมิรบมาแล้วอย่างนับไม่ถ้วน และเมื่อเรื่องราวความกล้าหาญของเขาแพร่สะพัดออกไป เขาได้รับการยกย่องให้เป็น “ตำนาน” แต่อย่างไรก็ตามชื่อเสียงของเขาก็เป็นที่กล่าวขานกันในหมู่ศัตรูเช่นกัน ทำให้เขามีค่าหัวและกลายเป็นเป้าหมายหลักสำคัญของพวกกบฎ นอกจากอันตรายและความเสี่ยงของสมาชิกภายในบ้านแล้ว คริส ได้ปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตาย 4 ครั้งที่อิรัก จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของหน่วย SEAL “อย่าทิ้งใครไว้เบื้องหลัง” แต่ในระหว่างที่เขากลับบ้าน คริส พบว่าสงครามต่างหากคือสิ่งที่เขาทิ้งไปไม่ได้
Dunkirk ดันเคิร์ก (2017)
เหล่าทหารอังกฤษและทหารฝ่ายสัมพันธมิตรนับแสน ๆ นาย ถูกโอบล้อมโดยกองกำลังฝ่ายข้าศึก เมื่อติดอยู่บนชายหาดโดยหันหลังชนทะเล พวกเขาจึงต้องเผชิญสถานการณ์อันไร้ทางออกเมื่อข้าศึกรุกคืบเข้ามา เรื่องราวเกิดขึ้นบนบก ในทะเล และกลางอากาศ เครื่องบินสปิตไฟร์ของกองทัพอากาศอังกฤษเข้าปะทะกับศัตรูบนฟากฟ้าเหนือช่องแคบอังกฤษเพื่อพยายามปกป้องทหารที่ไร้ทางสู้เบื้องล่าง ขณะเดียวกันเรือลำเล็กนับร้อย ๆ ลำทั้งของฝ่ายทหารและพลเรือนต่างก็ดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง พวกเขาเสี่ยงชีวิตแข่งกับเวลาเพื่อช่วยกำลังพลไว้แม้เพียงเสี้ยวหนึ่งก็ยังดี
Fury วันปฐพีเดือด (2014)
เรื่องราวในช่วงสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 1945 กองกำลังพันธมิตรของอเมริกาพยายามบุกเข้าไปในเมืองเบอร์ลินของเยอรมัน แต่ก็ต้องเจอกับการป้องกันที่แน่นหนาจนไม่สามารถทะลวงเข้าไปได้ จึงเป็นหน้าที่ของ วอร์แดดดี้ (แบรด พิตต์) จ่าสิบเอกของกองทัพกับลูกทีม 4 คนในรถถังประจัญบานที่ชื่อ “ฟิวรี่” ที่จะทำภารกิจบุกตะลุยฝ่ากองทัพนาซีเข้าไปในใจกลางจุดยุทธศาสตร์ ซึ่งผลลัพธ์ของภารกิจพวกเขา ก็กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้กองทัพอเมริกาเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะในสงครามโลก
Letters From Iwo Jima จดหมายจากอิโวจิมา ยุทธภูมิสู้แค่ตาย (2006)
หลังถ่ายทอดสงครามบนเกาะอิโวจิม่าจากมุมมองของวีรบุรุษทหารอเมริกันใน Flags Of Our Fathers Clint Eastwood ได้นำเสนอเรื่องราวในอีกแง่มุมจากทหารญี่ปุ่น ที่ต้องสู้สุดชีวิตเพื่อรักษาแผ่นดินเกิด ผ่านภาพยนตร์เรื่อง “Letters from Iwo Jima : อิโวจิมา…ยุทธภูมิสู้แค่ตาย” เรื่องราวของเหล่าทหารแดนอาทิตย์อุทัยบนเกาอิโว จิม่า ที่กำลังเตรียมรับมือกับกองทัพอเมริกา ที่กำลังจะมายึดเกาะแห่งนี้ โดยนายทหารญี่ปุ่น ทั้งนายพลผู้บัญชาการรบ “ทาดามิจิ คูริบายาชิ”(เคน วาตานาเบะ )ผู้ที่แบกภาระอันหนักอึ้ง ด้วยการปกป้องเกาะแห่งนี้ ด้วยจำนวนพลที่น้อยกว่าอเมริกาหลายเท่าตัว และยังขาดการสนับสนุนการรบทั้งทางน้ำและทางอากาศอีก , นายทหาร “ไซโก้”(คาซึนาริ นิโนมิยะ) ที่เฝ้าคอยการจบลงของสงครามเพื่อที่เขาจะได้กลับไปหาลูกเมีย , นายทหารอีกคน “ชิมิซึ” (เรียว คาเสะ) อดีตตำรวจที่ถูกไล่ออก เพียงเพราะไม่ทำตามคำสั่งของเจ้านาย และนายทหารคนอื่นๆที่เหมือนจะรู้ว่าพวกเขานั้นต้องพบเจอกับชะตากรรมเช่นใด
Platoon พลาทูน (1986)
พลทหารใหม่ คริส ได้ถูกส่งมาประจำการ… ที่หน่วยรบ กองร้อยบราโว ทหารราบที่ 25 เดือนกันยายน 1967 ร่วมรบในสงครามเวียตนามใกล้ชายแดนเขมร ตลอดเส้นทางถูกพวกเวียดกงซุ่มโจมตีบ่อยครั้งทำให้ทหารบาดเจ็บล้มตายมากขึ้น สร้างความกดดันให้กับสิบเอกบาร์นถึงกับทำร้าย ชาวบ้าน สตรี เด็ก ที่บริสุทธ์ และ เผาทำลายบ้านคิดว่าเป็นสายให้พวกเวียดกง แน่นอนสร้างความไม่พอใจให้กับสิบเอกอีเลียตเข้าห้ามปรามตบด้วยพานท้ายปืนจน บาร์นบาดเจ็บถึงกับคำรามด้วยความแค้นว่าอีเลียต
Saving Private Ryan เซฟวิ่ง ไพรเวท ไรอัน ฝ่าสมรภูมินรก (1998)
สงครามโลกครั้งที่สอง หลังการบุกหาดโอมาฮ่าเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ. 1944 แล้ว กองทัพอเมริกันประสบความสูญเสียเป็นอย่างมาก ทหารหลายคนบาดเจ็บ พิการ และล้มตาย ร้อยเอกจอห์น มิลเลอร์ (ทอม แฮงค์) ผู้นำกองทหารกองหนึ่ง ก็พบกับความสูญเสียของผู้ใต้บังคับบัญชาในครั้งนี้ด้วยแต่ในยุทธการยกพลขึ้นบกครั้งนี้ของสัมพันธมิตร นำมาซึ่งความสูญเสียของบุตรชาย 3 คนแห่งตระกูลไรอัน ซึ่งกองทัพสหรัฐได้ส่งจดหมายแสดงความเสียใจมาแก่คุณนายไรอัน แต่ทว่า ในการพิมพ์จดหมายนั้น เสมียนผู้พิมพ์พบถึงความสูญเสียของตระกูลไรอันแล้ว 3 คน ซึ่งยังเหลือเพียงบุตรชายคนสุดท้อง คือ พลทหารเจมส์ ไรอัน (แมตต์ เดม่อน) ที่ตกอยู่ในแนวข้าศึกโดยไม่ทราบชะตากรรม จึงได้รายงานต่อผู้บังคับบัญชา (เดนนิส ฟารีนา) ซึ่งได้ตัดสินใจให้พาพลทหารไรอันกลับบ้านมาอย่างปลอดภัย ภารกิจนำพลทหารไรอันกลับบ้านจึงตกแก่กองกำลังของร้อยเอกมิลเลอร์ ซึ่งมีผู้ใต้บังคับบัญชา 7 คน โดยที่แต่ละคนไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องเสี่ยงชีวิตคนส่วนใหญ่เพื่อชีวิตคน ๆ เดียวด้วย โดยที่ระหว่างทางพวกเขาต้องประสบกับความสูญเสียเป็นอย่างมาก ซึ่งในท้ายที่สุด หลายคนได้เสียชีวิตรวมทั้งร้อยเอกมิลเลอร์ด้วย แต่ก่อนตาย เขาได้บอกแก่ไรอันว่า ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ซึ่งไรอันได้จดจำและสำนึกในบุญคุณของมิลเลอร์ไปตลอด
The 33 (2015)
อีกหนึ่งเรื่องที่เราอยากให้คุณดูมากที่สุด ! สำหรับ The 33 เป็นภาพยนตร์ที่สร้างมาจากเหตุการณ์จริง โดยหยิบเอาเหตุการณ์เหมืองถล่มของ เหมืองซานโฮเซ่ (San José) ในประเทศชิลี เมื่อ 5 สิงหาคม ค.ศ. 2010 ซึ่งเป็นเหมืองที่ขุดแร่ทองและทองแดง มีขนาดใหญ่ลึกลงหลายร้อยเมตแต่เกิดถล่มลงมา ทำให้คนงานนับ 33 ชีวิต ต้องติดอยู่ในนั้น พวกเขาต้องหาทางเอาตัวรอด ท่ามกลางอาหารที่มีอยู่อย่างจำกัด และภาวะวิตกจริตที่เกิดขึ้น
The Terminal (2004)
ตามมาด้วยหนังแนวดรามา ผสมความฟีลกู๊ด ที่ดีที่สุดอีกเรื่อง ! สำหรับ The Terminal บอกเล่าเรื่องราวของ Viktor Navorski (Tom Hanks) ชายชาว Krakozhia ที่ติดค้างอยู่ในสนามบินนานาชาติจอห์น เอฟ เคนเนดี้เป็นเวลาหลายปีหลังจากประเทศของเขาเกิดสงครามกลางเมือง แต่ด้วยจิตใจที่ดี และความมุ่งมั่นของเขา ทำให้เขาสามารถสร้างความผูกพันกับพนักงานและผู้โดยสารในสนามบินได้ ใครเป็นคอหนังของ Tom Hanks เรื่องนี้เก็บลงลิสต์ไว้เลย !
Catch Me If You Can (2002)
สำหรับเรื่อง Catch Me If You Can ไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหน เราก็อยากพูดถึงอีกครั้ง ! อีกเรื่องแจ้งเกิดของ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ กับภาพยนตร์ที่จะย้อนรอยเรื่องราวชีวิตจริงของ Frank Abagnale (แฟรงค์ อบัคเนลล์) อดีตนักต้มตุ๋นตัวท็อปของโลกที่ FBI ต้องการตัวมากที่สุด เขาได้ปลอมตัว ปลอมแปลงเอกสารฉ้อโกง ซึ่งตีเป็นเงินรวมมูลค่ากว่า 4 ล้าน เหรียญสหรัฐฯ ที่จะทำให้คุณทึ่ง และลุ้นไปกับการไล่ล่าหลบหนีจากตำรวจ แต่ท้ายที่สุดสู่การเป็นอาชญากรกลับใจ
The Trial of Chicago 7 (2020)
ผลงานการเขียนบทล่าสุดจาก แอรอน ซอร์กิน ที่ฝากฝีมือไว้ใน ‘The Social Network (2010)’ ภาพยนตร์ชีวประวัติของมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ในภาพยนตร์เรื่อง The Trial of Chicago 7 นี้ เขาถ่ายทอดเรื่องราวการพิจารณาคดีความที่อื้อฉาวที่สุดในประวัติศาสตร์ ของการประท้วงอย่างสันติใน สหรัฐอเมริกา ปี 1968 ที่ลงเอยด้วยความรุนแรง ก่อนตำรวจจะจับกุมแกนนำม็อบและบุคคลที่โดนดึงมาเกี่ยวข้องทั้งหมด 8 คน ด้วยข้อหาสมรู้ร่วมคิดในการปลุกปั่นการจราจล
Franca (2016)
ภาพยนตร์สารคดีที่ถูกถ่ายทอดโดยลูกชายของ ‘ฟรังก้า ซอซซานี’ บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของแม่ ผู้เป็นอดีตบรรณาธิการใหญ่แห่ง โว้ก อิตาเลีย ด้วยความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ของเธอ ทำให้สามารถพาโว้กก้าวข้ามผ่านประเด็นสีผิว ประเด็นศัลยกรรม และข้อวิพากษ์วิจารณ์อื่นในสังคมในยุคนั้น นับว่าเป็นเรื่องราวสุดตราตรึงที่บันทึกการเปลี่ยนผ่านของวงการแฟชั่นและสังคมรอบด้านได้เป็นอย่างดี
Hidden Figures (2016)
ภาพยนตร์ฟีลกู้ดที่เล่าเรื่องราวของผู้หญิงผิวสีสามคน ทำงานเป็น ‘นักคณิตกร’ ในองค์การนาซาตั้งแต่ยุคที่ยังไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้ พวกเธอทั้งสามคนจะต้องต่อสู้กับการโดนแบ่งแยกสีผิว ที่ยุคนั้นรุนแรงถึงขั้นไม่สามารถใช้ภาชนะ หรือห้องน้ำร่วมกันได้ รวมถึงยังต้องฝ่าฟันกับค่านิยมชายเป็นใหญ่เพื่อความฝันของตัวเอง นับว่าเป็นภาพยนตร์ที่ดูง่าย กลมกล่อม ไม่ดราม่าหนักเกินไป และยังทิ้งความรู้สึกอบอุ่นใจให้แก่ผู้ชมไว้ในตอนจบอีกด้วย
The Theory of Everything (2014)
อีกหนึ่งภาพยนตร์ชีวประวัติของ ‘สตีเฟน ฮอว์กิง’ (Stephen Hawking)เรื่องราวของนักฟิสิกส์อัจฉริยะผู้คิดค้นทฤษฎีพลิกโลก ขณะเดียวกันก็ถ่ายทอดชีวิตของสตีเฟนในฐานะของคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่ต้องต่อสู้กับโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ Amyotrophic Lateral Sclerosis (ALS) และ ยังได้เห็นมุมชีวิตรักของสตีเฟน ในฐานะผู้ชายคนหนึ่งอีกด้วย ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้นักแสดงนำ ‘เอ็ดดี้ เรดเมย์น’ (Eddie Redmayne) ได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเลย
The Impossible (2012)
ภาพยนตร์ที่สร้างจากเหตุการณ์จริงในประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 9 ริคเตอร์ที่ใจกลางมหาสมุทรอินเดีย และหลังจากนั้นก็เป็นเหมือนฝันร้ายเพราะเกิดเหตุสึนามิถล่มทั้งคาบสมุทรอินเดีย ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวอันทรงพลัง ของครอบครัวที่เดินทางมาพักผ่อนที่ภูเก็ต ก่อนจะเจอกับเหตุสึนามิ ทำให้พวกเขาต้องออกตามหากัน นอกจากภาพยนตร์เรื่องนี้ จะพาเราไปเจอกับช่วงเวลาที่โหดร้ายที่สุดแล้ว ยังพาเราเข้าไปสัมผัสถึงน้ำใจ และแสงแห่งความหวัง อีกด้วย
Coach Carter (2005)
ปิดท้ายด้วยเรื่องราวที่จะจุดไฟฝันให้แก่ผู้ชม จากเรื่องจริงของชีวิต ‘เคนนี เรย์ คาร์เตอร์’ (Kenny Ray Carter) โค้ชบาสเก็ตบอลผิวสีของโรงเรียนมัธยมริชมอนด์ เขาเคยเป็นศิษย์เก่าที่โรงเรียนแห่งนี้ และด้วยวินัย ความขยัน ใฝ่ดีของเขา ทำให้เขาประสบความสำเร็จและมีชีวิตที่มั่นคง เมื่อเขากลับมาเป็นโค้ชให้กับทีมบาสเก็ตบอลที่โรงเรียนแห่งนี้อีกครั้ง เขาจึงปฏิวัติกฎใหม่ ให้นักเรียนทุกคนที่จะเป็นนักบาสเก็ตบอลของโรงเรียนต้อง มีเกรดเฉลี่ย 2.3 ขึ้นไป นำมาซึ่งเรื่องราวความขัดแย้ง การต่อสู้ และความประทับใจ ( Netflix หนังที่สร้างจากเรื่องจริง )
[/read]