ดูหนัง Mission Impossible มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ทุกภาค เป็นซีรีส์ภาพยนตร์แอคชั่นสุดตื่นเต้นที่พาผู้ชมไปสู่การลุยภารกิจที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงและความท้าทายของเอธาน ฮันท์ ( Ethan Hunt ) และทีมของเขา แต่ละภาคมอบความตื่นเต้น ความมหัศจรรย์ และฉากสุดตื่นเต้นที่ทำให้ผู้ชมไม่สามารถละสายตาได้ เป็นภาพยนตร์ชุดแนวสายลับและโลดโผนอเมริกัน สร้างจากละครโทรทัศน์ชื่อเดียวกันเมื่อ ค.ศ. 1966 ที่สร้างโดย บรูซ เกลเลอร์ ภาพยนตร์ชุดแสดงนำและอำนวยการสร้างโดย ทอม ครูซ โดยแสดงเป็น อีธาน ฮันท์ สายลับจากหน่วย IMF (Impossible Missions Force) ภาพยนตร์ในแต่ละเรื่องนั้นมีผู้กำกับ, ผู้เขียนบทและผู้แต่งเพลงประกอบ แตกต่างกันไป ขณะเดียวกันก็ผสมผสานธีมดนตรีจากละครโทรทัศน์ต้นฉบับโดย ลาโล ชิฟริน
เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1996 ภาพยนตร์ (ดำเนินเรื่องหกปีหลังเหตุการณ์ใน ละครโทรทัศน์ภาคต่อของละครโทรทัศน์ก่อนหน้านี้) ติดตามภารกิจของทีมภาคสนามหลักของ IMF ภายใต้การนำของฮันต์ เพื่อหยุดยั้งกองกำลังของศัตรู ในขณะเดียวกันก็ป้องกันภัยพิบัติระดับโลกที่กำลังจะเกิดขึ้น ภาพยนตร์ชุดเน้นไปฮันต์ตัวละครนำ ตรงข้ามกับโครงสร้างนักแสดงนำจำนวนมากของละครโทรทัศน์ ถึงแม้ว่าตัวละครบางตัว เช่น ลูเทอร์ สติกเคล (แสดงโดย วิง เรมส์) และ เบนจี ดันน์ (แสดงโดย ไซมอน เพกก์) กลับมาปรากฏตัวอยู่หลายครั้ง
ภาพยนตร์ชุดได้รับการตอบรับที่ดีทั้งจากนักวิจารณ์และผู้ชมทั่วไป เป็นภาพยนตร์ชุดที่ทำเงินสูงสุดอันดับที่สิบเจ็ด โดยทำเงินมากกว่า 4.09 พันล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก[1] และมักจะได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ภาพยนตร์แนวโลดโผนที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ภาพยนตร์เรื่องที่หก มิชชั่น: อิมพอสซิเบิ้ล ฟอลล์เอาท์ ฉายเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 2018 เป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในภาพยนตร์ชุด ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดซึ่งเป็นเรื่องที่เจ็ด ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง,[a] ฉายเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 2023 และภาพยนตร์เรื่องที่แปดใช้ชื่อว่า ปิดปฏิบัติการล่าพิกัดมรณะ กำหนดฉายวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 2025 ภาพยนตร์ มิชชั่น: อิมพอสซิเบิ้ล ทุกเรื่องร่วมสร้างและจัดจำหน่ายโดย พาราเมาต์พิกเจอส์ ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในภาพยนตร์ชุดที่ได้รับการเสนอชื่อในรางวัลออสการ์ โดยได้รับการเสนอชื่อในสาขาเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยมและบันทึกเสียงยอดเยี่ยมในงานประกาศผล ครั้งที่ 96 เมื่อ ค.ศ. 2024
[read more]
เป็นซีรีส์ภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความมหัศจรรย์ และฉากสุดตื่นเต้นที่ทำให้ผู้ชมไม่สามารถละสายตาได้ ไม่ว่าจะเป็นการลุยภารกิจที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง การต่อสู้กับผู้ร้ายที่ทรงพลัง หรือการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของโลก ซีรีส์นี้สามารถทำให้ผู้ชมได้รับความบันเทิงในระดับสูง และยังสามารถสื่อความหมายลึกซึ้งเกี่ยวกับความหมายของชีวิตและความเป็นมนุษย์ในช่วงเวลาที่โหดร้ายที่สุด หนึ่งในความน่าสนใจของ “Mission Impossible” คือการที่สามารถทำให้ผู้ชมได้สัมผัสกับความลึกของตัวละครและเรื่องราวที่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร ความขัดแย้งที่ซับซ้อน หรือการพัฒนาของตัวละครที่ทำให้ผู้ชมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของพวกเขาในแต่ละเรื่อง
1. Mission: Impossible (1996)
จิม เฟ็ลปส์และลูกทีม IMF ได้รับภารกิจให้ตามรายชื่อสายลับ IMF ที่ถูกขโมยไปคืน แต่ภารกิจล้มเหลว เฟ็ลปส์ถูกยิงเสียชีวิต แคลร์ ภรรยาของจิม เฟ็ลปส์ถูกระเบิดเสียชีวิตในรถ ส่วนลูกทีมคนอื่น ๆ ยกเว้นอีธาน ฮันต์ถูกฆ่า ฮันต์รีบไปพบยูจีน คิททริดจ์ ผู้อำนวยการ IMF และพบว่าภารกิจนี้เป็นแผนของคิททริดจ์ในการหาตัวหนอนบ่อนไส้ที่ร่วมมือกับนักค้าอาวุธชื่อ “แม็กซ์” คิททริดจ์สงสัยว่าฮันต์เป็นหนอนบ่อนไส้คนนั้น แต่ฮันต์หลบหนีออกมา ฮันต์กลับไปที่เซฟเฮ้าส์ และพบว่าชื่อของหนอนบ่อนไส้คือ “Job 3:14” มาจากข้อความในหนังสือของโยบ แคลร์กลับมาหาฮันต์และอธิบายว่าเธอหนีออกมาก่อนที่รถจะระเบิด ฮันต์ไปพบกับแม็กซ์ และเตือนเธอว่ารายชื่อสายลับที่เธอได้ไปติดเครื่องติดตามของ CIA ไว้ ฮันต์สัญญาว่าจะนำรายชื่อของจริงมาให้แลกกับเงิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐและตัวตนของคนที่ชื่อ “Job” ก่อนจะหนีไปพร้อมกับแม็กซ์หลังทีมของ CIA บุกที่นัดพบของทั้งคู่
ฮันต์ติดต่อ 2 อดีตสายลับ IMF คือลูเทอร์ สติกเคลและฟรันซ์ ครีเกอร์ และลอบเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของ CIA ที่แลงลีย์เพื่อขโมยรายชื่อและหนีไปที่ลอนดอน คิททริดจ์รู้ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือฮันต์และบีบให้ฮันต์ติดต่อมาด้วยการจับตัวแม่และอาของฮันต์ในข้อหาค้ายา ฮันต์ติดต่อคิททริดจ์และบอกให้ตามมาที่ลอนดอน หลังคุยกับคิททริดจ์ ฮันต์เห็นเฟ็ลปส์ที่ยังไม่ตาย เฟ็ลปส์บอกฮันต์ว่าเขารอดตายจากการถูกยิงและยังบอกว่าหนอนบ่อนไส้คนนั้นคือคิททริดจ์ แต่ฮันต์รู้แล้วว่าที่จริงคือเฟ็ลปส์ และมือสังหารที่ฆ่าเพื่อนในทีมของเขาคือครีเกอร์ แต่ไม่แน่ใจว่าแคลร์ร่วมด้วยหรือไม่ ฮันต์ติดต่อแม็กซ์ให้มารับรายชื่อบนรถไฟความเร็วสูง TGV ในวันถัดไป
บนรถไฟ ฮันต์มอบรายชื่อให้แม็กซ์ ส่วนแม็กซ์มอบกระเป๋าที่มีเงินค่าจ้างของ “Job” ฮันต์เรียกแคลร์มาพบ ในขณะที่สติกเคลส่งสัญญาณรบกวนไม่ให้แม็กซ์อัปโหลดรายชื่อได้ เมื่อแคลร์มาถึง เธอพบกับเฟ็ลปส์และบอกเขาว่าฮันต์กำลังจะมาที่นี่ และเสนอว่าควรจะฆ่าฮันต์เพื่อให้ฮันต์เป็นแพะรับบาปแทน แต่เฟ็ลปส์เปิดเผยว่าที่แท้จริงคือฮันต์ปลอมตัวมาและแน่ใจว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เฟ็ลปส์ตัวจริงตามมาหลังจากนั้นและนำเงินไป โดยฮันต์ใช้แว่นตาที่ส่งข้อมูลไปให้คิททริดจ์ ทำให้คิททริดจ์รู้ว่า “Job” คือเฟ็ลปส์ เมื่อถูกเปิดโปง เฟ็ลปส์พยายามจะฆ่าฮันต์แต่ถูกแคลร์ขัดขวาง เฟ็ลปส์จึงฆ่าแคลร์ก่อนจะหนีไปขึ้นหลังคารถไฟไปพร้อมกับเงิน โดยมีครีเกอร์ขับเฮลิคอปเตอร์ตามมารับ ฮันต์ตามไปและสู้กับเฟ็ลปส์ ก่อนจะผูกเฮลิคอปเตอร์เข้ากับรถไฟ ทำให้ครีเกอร์ต้องขับเฮลิคอปเตอร์ตามเข้าไปในอุโมงค์ช่องแคบอังกฤษ ฮันต์ใช้หมากฝรั่งระเบิดทำลายเฮลิคอปเตอร์ ทำให้เฟ็ลปส์และครีเกอร์เสียชีวิต เมื่อรถไฟไปถึงจุดหมาย คิททริดจ์ตามมาจับตัวแม็กซ์และยึดรายชื่อคืน ต่อมาคิททริดจ์คืนสถานะสายลับให้ฮันต์และสติกเคล แต่ฮันต์ขอลาออก ขณะที่เขาขึ้นเครื่องบินกลับบ้าน พนักงานต้อนรับได้ถามเขาเป็นนัยว่าเขาพร้อมจะรับภารกิจใหม่หรือไม่
2. Mission: Impossible II (2000)
อีธาน ฮันต์ถูกตามตัวหลังหน่วย IMF พบว่ามีคนใช้ตัวตนของเขาทำภารกิจปกป้องดร. เนโครวิตช์ ในการเดินทางมาสหรัฐอเมริกา แต่ดร. เนโครวิตช์กลับเสียชีวิตในเหตุเครื่องบินตก ดร. เนโครวิตช์เป็นนักชีวเคมีผู้สร้างไวรัสคิเมียราและยารักษาบิลเลโรฟอนให้บริษัทไบโอไซต์ ซึ่งไวรัสและยารักษาหายไป IMF เชื่อว่าคนที่เอาไปคือฌอน แอมโบรส อดีตสายลับ IMF ฮันต์จึงได้รับภารกิจให้ไปตามไวรัสและยารักษาคืนมาโดยเลือกสมาชิกได้เอง 2 คน แต่คนที่ 3 ต้องเป็นไนยาห์ นอร์ดอฟ-ฮอล นักโจรกรรมมืออาชีพที่เข้าถึงตัวแอมโบรสได้เพราะสองคนนี้เคยคบหากันมาก่อน หลังพบกับไนยาห์ ฮันต์เดินทางไปที่ซิดนีย์เพื่อพบกับลูกทีม 2 คนคือลูเทอร์ สติกเคลและบิลลี แบร์ด ฮันต์ สติกเคลและแบร์ดวางแผนลอบเข้าไปในบริษัทไบโอไซต์ ส่วนไนยาห์เข้าหาแอมโบรสเพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับไวรัส ที่งานแข่งม้า แอมโบรสนัดพบกับจอห์น ซี. แมคคอย ประธานบริหารบริษัทไบโอไซต์และใช้วิดีโอผู้ติดเชื้อคิเมียราเพื่อรีดทรัพย์ ไนยาห์แอบส่งวิดีโอให้ฮันต์ก่อนจะคืนให้แอมโบรส เมื่อฮันต์ตรวจสอบวิดีโอ เขาพบว่าไวรัสคิเมียราจะมีระยะฟักตัว 20 ชั่วโมง ก่อนจะทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงของผู้ติดเชื้อจนผู้ติดเชื้อเสียชีวิต ยารักษาบิลเลโรฟอนสามารถรักษาผู้ติดเชื้อได้แต่ต้องภายในเวลา 20 ชั่วโมง
ทีมของฮันต์ลักพาตัวแมคคอยและพบว่าดร. เนโครวิตช์ฉีดไวรัสเข้าตัวเอง และพายารักษาแยกไปต่างหาก เมื่อดร. เนโครวิตช์เสียชีวิต แอมโบรสจึงมีเพียงยารักษา แอมโบรสจึงบังคับให้แมคคอยขายไวรัสให้ในราคา 37 ล้านปอนด์เพื่อแลกกับตัวอย่างยารักษา ฮันต์บุกเข้าไปในห้องปฏิบัติการของไบโอไซต์เพื่อทำลายไวรัสทั้งหมด โดยมีแอมโบรสและลูกน้องตามมาขัดขวาง ฮันต์ทำลายไวรัสจนเหลือหลอดสุดท้าย แอมโบรสจึงบังคับให้ไนยาห์นำไวรัสหลอดสุดท้ายมาให้ แต่ไนยาห์กลับฉีดไวรัสเข้าตัวเอง ฮันต์สัญญากับไนยาห์ว่าจะนำยารักษามาให้ภายใน 20 ชั่วโมง ก่อนจะหลบหนีไป แอมโบรสพาตัวไนยาห์ไปทิ้งไว้กลางฝูงชนในซิดนีย์เพื่อให้ไวรัสระบาด และนัดพบกับแมคคอยเพื่อให้เขาปล่อยหุ้นใหญ่ แผนของแอมโบรสคือเมื่อเขาได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และไวรัสคิเมียราระบาด เขาจะขายยารักษาบิลเลโรฟอนในราคาสูง ฮันต์บุกเข้าไปในที่นัดพบและขโมยยารักษาออกมาได้ โดยมีลูกน้องของแอมโบรสตามมา สติกเตลและแบร์ดพบไนยาห์ที่หน้าผาซึ่งเธอตั้งใจจะใช้ฆ่าตัวตายก่อนไวรัสระบาดและพาตัวเธอไปหาฮันต์ ส่วนฮันต์และแอมโบรสสู้กันตัวต่อตัวก่อนที่แอมโบรสถูกฮันต์ยิงจนเสียชีวิต สติกเคลฉีดยารักษาให้ไนยาห์ทันเวลา หลังเสร็จภารกิจ IMF ได้ล้างประวัติอาชญากรรมของไนยาห์ทั้งหมด ฮันต์และไนยาห์ใช้เวลาพักผ่อนด้วยกันในซิดนีย์
3. Mission: Impossible III (2006)
อีธาน ฮันต์ลาออกจากงานภาคสนามของ IMF และไปทำหน้าที่ฝึกสอนสายลับใหม่แทน เขาใช้ชีวิตกับจูเลีย มี้ด คู่หมั้นซึ่งทำอาชีพพยาบาลและไม่รู้อาชีพที่แท้จริงของเขา ต่อมาฮันต์ได้รับการติดต่อจากจอห์น มัสเกรฟ เพื่อนสายลับ IMF ให้ทำภารกิจช่วยเหลือลินซีย์ แฟร์ริส สายลับที่ฮันต์เป็นคนฝึกสอนที่ตอนนี้ถูกโอเวน เดเวียน นักค้าอาวุธจับตัวไป ฮันต์สร้างทีมใหม่โดยประกอบไปด้วยเด็คแคลน กอร์มลีย์ เจินและลูเทอร์ สติกเคล ทีมของฮันต์ช่วยเหลือแฟร์ริสออกมาได้และยึดแล็ปท็อปที่เสียหาย 2 เครื่อง แต่แฟร์ริสเสียชีวิตหลังจากไมโครชิปที่ถูกฝังไว้ในสมองระเบิด เมื่อกลับมาถึงสหรัฐอเมริกา ฮันต์และมัสเกรฟถูกผู้อำนวยการ IMF ทีโอดอร์ แบรสเซลตำหนิ ฮันต์พบว่าแฟร์ริสส่งจดหมายให้ตนก่อนถูกจับ ฮันต์พบไมโครด็อตบรรจุข้อมูลเล็ก ๆ บนจดหมาย
เบนจี ดันน์ ช่างเทคนิคของ IMF กู้ข้อมูลจากแล็ปท็อป 2 เครื่องและพบว่าเดเวียนจะเดินทางไปนครรัฐวาติกันเพื่อรับสิ่งของที่มีชื่อว่า “ตีนกระต่าย” ฮันต์เข้าพิธีแต่งงานกับจูเลียก่อนวางแผนจับตัวเดเวียนโดยพลการ ทีมของฮันต์ลอบเข้าไปในวาติกันและจับตัวเดเวียนได้สำเร็จ ขณะบินกลับไปสหรัฐอเมริกา เดเวียนขู่ฆ่าฮันต์และคนรักของเขา ฮันต์จึงขู่จะทิ้งเดเวียนลงจากเครื่องบิน สติกเคลเข้าไปห้ามปรามทำให้เดเวียนรู้ชื่อของฮันต์ เมื่อเครื่องลง ฮันต์ดูวิดีโอที่อยู่ในไมโครด็อต เป็นวิดีโอที่แฟร์ริสบอกว่าเธอสงสัยว่าแบรสเซลอาจจะทำงานให้เดเวียน ฉับพลันขบวนรถของฮันต์ก็ถูกคนของเดเวียนโจมตี เดเวียนหนีรอดไปได้ ฮันต์ซึ่งห่วงสวัสดิภาพของจูเลียรีบไปที่โรงพยาบาลและพบว่าเธอถูกจับตัวไป เดเวียนติดต่อฮันต์แล้วบอกว่าเขามีเวลาให้ฮันต์ 48 ชั่วโมงเพื่อนำตีนกระต่ายมาคืนแลกกับชีวิตของจูเลีย ต่อมาฮันต์ถูกหน่วย IMF จับกุม
มัสเกรฟเข้าร่วมการสอบสวนฮันต์และแอบบอกข้อมูลว่าตีนกระต่ายอยู่ในเซี่ยงไฮ้ เขาแอบช่วยฮันต์ให้หนีออกมา ทีมของฮันต์รีบไปที่เซี่ยงไฮ้โดยฮันต์นำตีนกระต่ายไปให้เดเวียนเพียงลำพัง เขาถูกวางยาสลบ เมื่อตื่นมาพบว่าตัวเองถูกฝังไมโครชิประเบิดไว้ในสมอง เดเวียนเล็งปืนไปที่จูเลียแล้วถามว่าตีนกระต่ายของจริงอยู่ที่ไหน พร้อมกับนับ 1-10 ก่อนจะยิงจูเลียและออกไป มัสเกรฟมาถึงแล้วบอกฮันต์ว่าผู้หญิงที่เดเวียนยิงคือหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยในวาติกันของเดเวียนแต่ใส่หน้ากากจูเลียไว้ เดเวียนใช้วิธีนี้เพื่อยืนยันว่าตีนกระต่ายที่ฮันต์นำมาเป็นของจริง ส่วนจูเลียตัวจริงยังมีชีวิตอยู่ มัสเกรฟเปิดเผยว่าตัวเขาเองที่ทำงานให้เดเวียน เพื่อให้เดเวียนนำตีนกระต่ายไปขายให้กลุ่มก่อการร้าย และ IMF จะมีสิทธิ์ในการถล่มกลุ่มก่อการร้าย มัสเกรฟให้ฮันต์ฟังเสียงจูเลียเพื่อยืนยันว่าเธอยังมีชีวิตอยู่จริง แต่ฮันต์กัดมือเขาและทำร้ายมัสเกรฟจนสลบ ฮันต์ให้ดันน์ตามสัญญาณโทรศัพท์ไปจนพบจูเลีย เขาสู้กับเดเวียนและฆ่าเขาได้สำเร็จฮันต์สั่งให้จูเลียใช้ไฟฟ้าช็อตเขาก่อนที่ไมโครชิปในสมองจะทำงานและช็อตเขาอีกครั้งเพื่อทำให้เขาฟื้น นอกจากนี้ยังสอนวิธีใช้ปืน ขณะที่กำลังกู้ชีวิตฮันต์ มัสเกรฟได้เข้ามาและถูกจูเลียยิงเสียชีวิต ฮันต์ฟื้นในที่สุดและบอกอาชีพที่แท้จริงของเขาให้จูเลียฟัง หลังเสร็จภารกิจ แบรสเซลแสดงความยินดีกับฮันต์ ฮันต์บอกว่าเขาไม่แน่ใจว่าจะกลับมาทำงานให้ IMF ไหม แบรสเซลจึงบอกฮันต์ว่าถ้าฮันต์กลับมาทำงานให้ IMF เขาจะบอกว่าตีนกระต่ายคืออะไร
4. Mission: Impossible – Ghost Protocol (2011)
ที่บูดาเปสต์ เจ้าหน้าที่เทรเวอร์ ฮานาเวย์ ถูกนักฆ่าสาว ซาบีน มอโรสังหารระหว่างปฏิบัติภารกิจสืบหาบุคคลลึกลับในชื่อ “โคบอลต์” ทำให้หัวหน้าทีมของฮานาเวย์ เจน คาร์เตอร์และเจ้าหน้าที่ภาคสนามคนใหม่ เบนจี้ ดันน์ ต้องพาตัวอีธาน ฮันต์และแหล่งข่าวออกมาจากคุกในมอสโก ฮันต์ได้รับภารกิจให้เข้าไปค้นหาเอกสารลับที่อยู่ในพระราชวังเครมลิน ซึ่งจะบ่งชี้ได้ว่าใครคือโคบอลต์ แต่ในระหว่างที่ปฏิบัติภารกิจอยู่นั้น กลับมีคนส่งสัญญาณเตือนพวกทหารรัสเซีย ต่อมาพระราชวังเครมลินก็ถูกระเบิด แม้ว่าคาร์เตอร์และดันน์จะหนีไปได้ แต่ฮันต์ซึ่งบาดเจ็บก็ถูกจับกุมและตกเป็นผู้ต้องหาในการก่อเหตุนี้ ฮันต์หลบหนีออกมาได้ หลังการพบปะกับรัฐมนตรีของ IMF และนักวิเคราะห์ วิลเลียม แบรนต์ ทั้งสามก็ถูกลอบโจมตีโดยเจ้าหน้าที่รัสเซีย รัฐมนตรีถูกสังหาร ส่วนฮันต์และแบรนต์ต้องหนีไปรวมกับคาร์เตอร์และดันน์ ในขณะที่รัสเซียประกาศว่านี่เป็นการประกาศสงครามอย่างไม่เป็นทางการจากสหรัฐฯ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็สั่งเริ่ม “ปฏิบัติการไร้เงา” แสดงความไม่รับผิดชอบและรับรู้ถึงการมีอยู่ของหน่วย IMF ที่ถูกหมายหัวว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ฮันต์และเพื่อนร่วมทีมเริ่มสืบ พบว่าโคบอลต์คือ เคิร์ต เฮนดริกส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธนิวเคลียร์ และเป็นผู้อยู่หลังเหตุระเบิดที่เครมลินเพื่อกลบเกลื่อนร่องรอยที่เขาเข้าไปขโมยอุปกรณ์ควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม เฮนดริกส์ต้องการรหัสปล่อยอาวุธซึ่งตอนนี้อยู่ที่มอโร ทีมของฮันต์สืบหาจนพบว่าการแลกเปลี่ยนจะเกิดขึ้นที่บุรจญ์เคาะลีฟะฮ์ อาคารที่สูงที่สุดในโลกในดูไบ คาร์เตอร์แยกไปต่อรองกับวิสตรอม มือขวาของเฮนดริกส์ ส่วนฮันต์และแบรนต์ไปพบมอโรเพื่อขอรหัส แต่มอโรรู้ตัวก่อนว่าแบรนต์คือสายลับ จึงเกิดการต่อสู้กัน ฮันต์ไล่ตามวิสตรอมซึ่งต่อมาเขาพบว่าเป็นเฮนดริกส์ปลอมตัวมา ส่วนคาร์เตอร์สู้กับมอโรจนมอโรร่วงลงจากอาคาร หลังภารกิจล้มเหลว ฮันต์ตั้งข้อสังเกตว่าแบรนต์อาจมีลับลมคมในกับคนในทีม แบรนต์จึงยอมเล่าว่าเดิมตนเคยเป็นเจ้าหน้าที่ภาคสนาม ทำหน้าที่ปกป้องฮันต์และจูเลีย ภรรยาของฮันต์ แต่ล้มเหลว จูเลียถูกฆ่าโดยกลุ่มนักฆ่าชาวเซอร์เบีย ส่วนฮันต์ที่ออกตามล่ากลุ่มนักฆ่าดังกล่าวก็ถูกจับกุม
บ็อกแดน แหล่งข่าวที่ฮันต์พาออกมาด้วยให้ข้อมูลว่าเฮนดริกส์อาจจะอยู่ที่มุมไบ เพื่อทำการซื้อขายดาวเทียมทางการทหารที่ไม่ใช้แล้วสมัยโซเวียตจากนักธุรกิจชาวอินเดีย บริจ นาธ คาร์เตอร์ลวงนาธเพื่อขอรหัสสั่งการดาวเทียม ส่วนแบรนต์และดันน์ไปที่เซิร์ฟเวอร์เพื่อหาทางหยุดไม่ให้ดาวเทียมทำงาน แต่เฮนดริกส์รู้ทันจึงทำลายเซิร์ฟเวอร์ก่อน ฮันต์ไล่ตามเฮนดริกส์ที่หนีไปพร้อมกระเป๋าสั่งปล่อยอาวุธ ในขณะที่ทุกคนทำทุกวิถีทางเพื่อกู้เซิร์ฟเวอร์กลับมา ฮันต์และเฮนดริกส์ก็สู้กันจนเฮนดริกส์ตัดสินใจกระโดดลงจากอาคารเพื่อป้องกันไม่ให้ฮันต์ได้กระเป๋าไป ส่วนแบรนต์และวิสตรอมก็สู้กันจนกระทั่งดันน์ตามมาสมทบและฆ่าวิสตรอม พร้อมทั้งกู้เซิร์ฟเวอร์คืนได้สำเร็จ ทำให้ฮันต์สั่งปิดระบบอาวุธได้ทันเวลาพอดี ครู่ต่อมาเจ้าหน้าที่รัสเซียนำโดยซิโดรอฟซึ่งติดตามไล่ล่าฮันต์มาโดยตลอดก็พบว่าฮันต์เป็นผู้บริสุทธิ์ หลายสัปดาห์ต่อมาที่ซีแอตเทิล ฮันต์แนะนำทีมของตนให้รู้จักกับลูเทอร์ สติกเคล และแจ้งภารกิจใหม่ ดันน์และคาร์เตอร์รับภารกิจ ส่วนแบรนต์ปฏิเสธเนื่องจากยังมีอดีตที่ไม่ดีเกี่ยวกับงานภาคสนามอยู่ ฮันต์เปิดเผยว่าการที่จูเลียตายเป็นเพียงแค่การแสดง เพื่อให้เขาเข้าใกล้บ็อกแดน เมื่อแบรนต์ได้รับฟังจึงยอมรับภารกิจ หลังทุกคนแยกย้าย ฮันต์ก็เห็นจูเลียอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ก่อนที่ฮันต์จะปลีกตัวเพื่อไปทำภารกิจใหม่
5. Mission: Impossible – Rogue Nation (2015)
หลังทำภารกิจขัดขวางการขนส่งอาวุธเคมีให้ผู้ก่อการร้ายได้สำเร็จ สายลับหน่วย IMF อีธาน ฮันต์ (ทอม ครูซ) ได้พูดถึงองค์กรลับชื่อ “ซินดิเคต” (Syndicate) แต่ฝ่าย CIA ไม่เชื่อว่ามีอยู่จริง จากนั้นไม่นาน ฮันต์ก็ถูกกลุ่มซินดิเคตจับตัวไป เขาหลบหนีออกมาได้ด้วยความช่วยเหลือจากอิลซา เฟาสต์ (รีเบกกา เฟอร์กูสัน) สายลับสาวผู้ลึกลับ ในเวลาเดียวกัน ผู้อำนวยการหน่วย CIA อลัน ฮันลีย์ (อเล็ก บอลด์วิน) ได้เสนอต่อคณะกรรมการสภาสหรัฐฯ ว่า IMF เป็นหน่วยที่มักใช้อำนาจเกินขอบเขตและควรถูกยุบ เนื่องจากตำแหน่งรัฐมนตรี IMF ว่างลงจึงไม่มีผู้แก้ต่าง ทำให้หน่วย IMF ถูกยุบในที่สุด วิลเลียม แบรนต์ (เจเรมี เรนเนอร์) ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคสนามของ IMF เตือนฮันต์ให้รีบซ่อนตัว ส่วนฮันต์ต้องสืบหาชายผมสีบลอนด์สวมแว่นคนหนึ่งที่เขาเห็นก่อนถูกจับไป ซึ่งต่อมาฮันต์พบว่าชายคนนั้นชื่อ โซโลมอน เลน (ฌอน แฮร์ริส) เป็นอดีตสายลับ MI6
หกเดือนต่อมา ฮันต์ซึ่งยังสืบหากลุ่มซินดิเคตไม่พบได้ติดต่อเบนจี ดันน์ (ไซมอน เพกก์) อดีตสายลับภาคสนาม โดยทำทีว่าให้ดันน์มาชม ตูรันโด ที่ออสเตรีย ซึ่งมีรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศออสเตรียมาร่วมชมด้วย ถึงแม้ฮันต์และดันน์จะหยุดยั้งการลอบสังหารรัฐมนตรีได้สำเร็จ แต่กลุ่มซินดิเคตซ้อนแผนด้วยการระเบิดรถของรัฐมนตรี ฮันต์ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ลงมือฆ่ารัฐมนตรีและถูกหน่วยปฏิบัติการพิเศษของ CIA ไล่ล่า แบรนต์จึงติดต่อลูเทอร์ สติกเคล (วิง เรมส์) อดีตสายลับมือดีให้เร่งหาตัวฮันต์ พวกเขาพบว่าฮันต์และดันน์เดินทางไปพบเฟาสต์ที่โมร็อกโก เพื่อเข้าไปขโมยข้อมูลสำคัญของกลุ่มซินดิเคตในอาคารความปลอดภัยสูงใต้โรงไฟฟ้า แต่เมื่อนำข้อมูลออกมาได้แล้ว เฟาสต์กลับหลบหนีไปพร้อมกับข้อมูลในยูเอสบีแฟลชไดรฟ์ ซึ่งดันน์ได้ทำสำเนาข้อมูลไว้
เฟาสต์กลับไปที่อังกฤษเพื่อส่งมอบข้อมูลให้แอตต์ลี (ไซมอน แมคเบอร์นีย์) ผู้ดูแลภารกิจ แต่แอตต์ลีกลับลบข้อมูลในไดรฟ์แล้วบังคับให้เธอกลับไปหาเลน เฟาสต์และเลนพบว่าไฟล์ข้อมูลดังกล่าวต้องมีรหัสจากนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร (ทอม ฮอลแลนเดอร์) เลนจึงส่งเฟาสต์ไปหาฮันต์ ในขณะเดียวกันก็ส่งคนไปลักพาตัวดันน์เพื่อบีบบังคับให้ฮันต์เปิดไฟล์ดังกล่าวให้ ฮันต์ตกลงทำตาม แต่แบรนต์บอกกับฮันลีย์และแอตต์ลีให้ทำการอารักขานายกรัฐมนตรีไว้ จนกระทั่งแอตต์ลีตัวจริงเดินทางมา จึงเปิดเผยว่าแบรนต์รู้กับฮันต์และให้ฮันต์ปลอมเป็นแอตต์ลีคนที่อยู่กับนายกรัฐมนตรี พวกเขาพบว่าซินดิเคตเป็นโครงการลับที่แอตต์ลีจัดตั้งขึ้นโดยพลการ มีเลนเป็นหัวหน้า ส่วนสติกเคลพบว่าไฟล์ดังกล่าวเป็นข้อมูลที่เข้าถึงเงินทุนจำนวนมาก ฮันต์จดจำข้อมูลทั้งหมดและทำลายไฟล์ทิ้ง เขาเดินทางไปพบดันน์และเฟาสต์ แล้วบีบให้เลนปล่อยตัวทั้งสองคนเพื่อแลกกับข้อมูลทั้งหมด หลังการหลบหนีและไล่ล่าไปตามถนนในกรุงลอนดอน เฟาสต์ฆ่าวินเทอร์ (เยนส์ ฮูลเตน) ลูกน้องมือขวาของเลนในการดวลมีด ส่วนฮันต์ล่อเลนไปติดกับแล้วรมด้วยแก๊สจนหมดสติ ก่อนจะส่งตัวไปคุมขัง หลังเรื่องทั้งหมดยุติ ฮันลีย์ได้เสนอให้มีการเปิดหน่วย IMF อีกครั้ง โดยอ้างว่าการยุบหน่วยในคราวก่อนเป็นแผนช่วยฮันต์ คณะกรรมการสภาสหรัฐฯ มีมติเห็นชอบทั้งที่ยังแคลงใจกับเจตนาของฮันลีย์ หลังออกจากที่ประชุม แบรนต์แสดงความยินดีกับฮันลีย์ในฐานะรัฐมนตรี IMF คนใหม่
6. Mission: Impossible – Fallout (2018)
สองปีหลังจากจับตัวโซโลมอน เลน หัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายซินดิเคต กลุ่มซินดิเคตได้กลายสภาพเป็นกลุ่มใหม่ชื่อ “ดิอะพอสเทิลส์” (The Apostles) ที่เบลฟาสต์ อีธาน ฮันต์ สายลับ IMF ได้รับภารกิจให้ขัดขวางการขายแกนพลูโตเนียมสามลูกให้กลุ่มดิอะพอสเทิลส์ โดยมีผู้ว่าจ้างคือจอห์น ลาร์ก แต่ภารกิจล้มเหลวเมื่อฮันต์เลือกจะรักษาชีวิตลูเธอร์ สติกเคลล์ ลูกทีมของเขาและแกนพลูโตเนียมถูกขโมยไปได้ ทีมของอีธานจึงจับตัวนักวิทยาศาสตร์ผู้ได้รับการว่าจ้างจากลาร์กให้สร้างระเบิดจากแกนพลูโตเนียมเพื่อเค้นข้อมูล เอริกา สโลน ผู้อำนวยการ CIA สั่งให้ออกัสต์ วอล์กเกอร์ติดตามฮันต์ขณะที่เขาทำภารกิจตามแกนพลูโตเนียมคืน ฮันต์และวอล์กเกอร์ลอบเข้าไปในงานเลี้ยงที่กร็องปาแลในปารีส ที่ซึ่งลาร์กจะทำการซื้อขายแกนพลูโตเนียมกับกลุ่มดิอะพอสเทิลส์ ผ่านคนกลางผู้มีนามว่า “แม่ม่ายขาว” ฮันต์และวอล์กเกอร์ตามลาร์กไปที่ห้องน้ำก่อนทั้งสามจะสู้กันและลาร์กถูกอิลซา เฟาสต์ฆ่า ทำให้ฮันต์ต้องสวมรอยเป็นลาร์กเพื่อไปพบกับแม่ม่ายขาว เขาพาแม่ม่ายขาวหลบหนีเนื่องจากมีคนตามฆ่าทั้งสอง
ก่อนแม่ม่ายขาวจะมอบแกนพลูโตเนียมให้ฮันต์หนึ่งลูกแล้วบอกให้ฮันต์พาตัวเลนมาที่ลอนดอนเพื่อแลกกับแกนพลูโตเนียมที่เหลืออีกสองลูก ฮันต์และทีมจึงโจมตีขบวนรถที่คุมตัวเลน ก่อนจะพาเลนหลบหนีการไล่ล่าของเฟาสต์ที่ได้รับคำสั่งมาให้ฆ่าเลน อลัน ฮันลีย์ รัฐมนตรี IMF มาพบฮันต์ที่ลอนดอนเนื่องจากเขาพบหลักฐานว่าตัวฮันต์เองคือลาร์กและสร้างเรื่องทั้งหมดเพื่อเดินตามรอยเลน ฮันลีย์สั่งให้ฮันต์ล้มเลิกภารกิจแต่ฮันต์ไม่ยอมและทำร้ายฮันลีย์ ก่อนจะสั่งให้วอล์กเกอร์จับตาดูเลนเมื่อตนและลูกทีมออกไปทำภารกิจ ด้านวอล์กเกอร์ปล่อยตัวเลนแล้วเผยว่าแท้จริงตนคือลาร์ก แต่วอล์กเกอร์ตระหนักได้ภายหลังว่านี่เป็นแผนเปิดโปงตัวเขาของฮันต์ วอล์กเกอร์ฆ่าฮันลีย์ก่อนอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไปที่แคชเมียร์พร้อมกับเลน ทั้งสองมีแผนจะระเบิดต้นน้ำในแคชเมียร์เพื่อทำให้น้ำปนเปื้อน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชากร 1 ใน 3 ของโลก
ฮันต์และทีมตามมาที่แคชเมียร์แล้วพบว่าจูเลีย อดีตภรรยาของเขาทำงานรักษาคนอยู่ที่นี่ ฮันต์จึงตระหนักว่าวอล์กเกอร์และเลนวางแผนเพื่อให้เธอถูกระเบิดไปด้วย เบนจี ดันน์ ลูกทีมคนหนึ่งบอกฮันต์ว่าระเบิดสองลูกถูกตั้งไว้ไม่ให้ปิดวงจรได้ทีละลูก หากปิดวงจรของลูกใดลูกหนึ่ง อีกลูกหนึ่งจะระเบิด มีวิธีเดียวคือปิดด้วยตัวจุดชนวนซึ่งอยู่กับวอล์กเกอร์ ฮันต์จึงขับเฮลิคอปเตอร์ไล่ตามวอล์กเกอร์ ส่วนลูกทีมคนอื่น ๆ แยกไปหาระเบิด ฮันต์ขับเฮลิคอปเตอร์ชนเฮลิคอปเตอร์ของวอล์กเกอร์จนตกก่อนทั้งสองจะสู้กันริมหน้าผาจนวอล์กเกอร์ตกลงไปเสียชีวิต ด้านเบนจีพบระเบิดก่อนจะถูกเลนดักทำร้ายแต่เฟาสต์มาช่วยทันแล้วจับตัวเลนไว้ ทีมของฮันต์สามารถปิดวงจรระเบิดได้ทันในที่สุด ฮันต์ถูกพาตัวมารักษาที่ค่ายที่จูเลียทำงานอยู่ ด้านเลนถูกส่งตัวให้ MI6 ผ่านแม่ม่ายขาว ภาพยนตร์จบลงเมื่อฮันต์อยู่กับจูเลียและลูกทีมคนอื่น ๆ
7. Mission Impossible Dead Reckoning Part One (2023)
เป็นภาพยนตร์อเมริกันแนวโลดโผน สายลับ ที่ออกฉายในปี ค.ศ. 2023 กำกับและเขียนบทโดย คริสโตเฟอร์ แมคควอรี ซึ่งเป็นภาคที่เจ็ดของ ซีรีส์ภาพยนตร์ มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล และภาคที่สามในภาพยนตร์ชุดที่กำกับโดยแมคควอรีต่อจาก ปฏิบัติการรัฐอำพราง และ ฟอลล์เอาท์ นำแสดงโดย ทอม ครูซ, วิง ราเมส, เฮนรี แชร์นี, ไซมอน เพกก์, รีเบกกา เฟอร์กูสัน และวาเนสซา เคอร์บี ซึ่งทุกคนกลับมารับบทเดิมจากภาพยนตร์เรื่องก่อน ๆ นักแสดงใหม่ ได้แก่ เฮย์ลีย์ แอตเวลล์, ปอม เกลม็องตีแย็ฟ, เช วิกัม, เอไซ โมราเลส, ร็อบ เดลานีย์, ชาลส์ พาร์เนล, อินทิรา วาร์มา, มาร์ค เกติส และแครี เอลวิส มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง ใช้ทุนสร้าง 291 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นภาพยนตร์ที่มีทุนสร้างสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 14 เข้าฉายในสหรัฐวันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 2023 โดยพาราเมาต์พิกเจอส์ ภาพยนตร์ทำเงิน 567 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก กลายเป็นภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดอันดับที่ 10 ในปี ค.ศ. 2023 ได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวาง แต่ประสบความล้มเหลวในการทำเงิน เนื่องจากอยู่ในช่วงระหว่างการฉายกับคู่แข่งอย่าง บาร์บี้ และ ออปเพนไฮเมอร์ ในหนึ่งสัปดาห์ให้หลังจากภาพยนตร์เข้าฉาย อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์ทำกำไรได้หลังจากที่พาราเมาต์ได้รับการจ่ายเงินประกันจากการถ่ายทำช่วงการระบาดทั่วของโควิด-19 ซึ่งมีมูลค่า 57 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง หรือ 71 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
8. Mission Impossible (2025) The Final Reckoning
เป็นภาพยนตร์อเมริกันแนวโลดโผน สายลับ ที่กำลังจะมาถึง กำกับโดย คริสโตเฟอร์ แมคควอรี จากบทภาพยนตร์ที่เขาเขียนร่วมกับ เอริก เจนเดรเซน ภาพยนตร์เป็นภาคต่อของ มิชชั่น: อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง (2023) และภาพยนตร์เรื่องที่แปดในภาพยนตร์ชุด มิชชั่น: อิมพอสซิเบิ้ล ทอม ครูซ, เฮย์ลีย์ แอตเวลล์, วิง เรมส์, ไซมอน เพกก์, วาเนสซา เคอร์บี, เอไซ โมราเลส, ปอม เกลม็องตีแย็ฟ, แองเจลา บาสเซตต์และเฮนรี แชร์นี ทั้งหมดกลับมารับบทเดิมของพวกเขาจากภาพยนตร์ก่อนหน้านี้ ครูซประกาศในเดือนมกราคม ค.ศ. 2019 ว่า ภาพยนตร์ มิชชั่น: อิมพอสซิเบิ้ล เรื่องที่เจ็ดและแปดจะถ่ายทำพร้อมกัน โดยมีแมคควอรีเป็นผู้กำกับและผู้เขียนบททั้งสองเรื่อง แผนการสำหรับภาพยนตร์มีการเปลี่ยนแปลงในภายหลังในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 มีการประกาศรายชื่อนักแสดงที่กลับมาและนักแสดงใหม่และ โลร์น บัลฟ์ กลับมาแต่งประกอบภาพยนตร์ หลังเคยแต่งประกอบให้กับภาพยนตร์สองเรื่องก่อนหน้านี้ในภาพยนตร์ชุด
การถ่ายทำเริ่มต้นในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2022 ในสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทำที่ มอลตา, แอฟริกาใต้และนอร์เวย์ การถ่ายทำหยุดชั่วคราวในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2023 เนื่องจากการนัดหยุดงานของแซก-อาฟตรา และกลับมาถ่ายทำต่อในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2024 จนถึงเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2024 แต่เดิม ภาพยนตร์มีชื่อว่า มิชชั่น: อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่สอง แต่ก็ยกเลิกใช้ชื่อนี้ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2023 จนกระทั่งในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2024 ก็ยืนยันว่าภาพยนตร์มีชื่อว่า ปิดปฏิบัติการล่าพิกัดมรณะ พร้อมกับตัวอย่างแรกของภาพยนตร์ ปิดปฏิบัติการล่าพิกัดมรณะ กำหนดฉายในสหรัฐวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 2025 โดย พาราเมาต์พิกเจอส์
อีธาน ฮันท์ – ทอม ครูซ
ทอมัส ครูซ เมพอเทอร์ที่ 4 (อังกฤษ: Thomas Cruise Mapother IV; เกิด 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2505) เป็นนักแสดงชาวอเมริกัน จบการศึกษามัธยมปลาย จากเกลนไรดจ์ เคยแต่งงานกับนักแสดงชาวอเมริกัน มีมี โรเจอร์ส จากนั้นหย่ากัน ก่อนที่จะแต่งงานใหม่กับนักแสดงชาวออสเตรเลีย นิโคล คิดแมน ในปี พ.ศ. 2533 และหย่ากันในปี พ.ศ. 2544 ต่อมาได้สมรสและมีลูกสาวกับเคที โฮล์มส ชื่อซูรี เกิดเมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2549 ในแซนตามอนิกา รัฐแคลิฟอร์เนีย ก่อนที่จะทั้งคู่จะหย่ากัน ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2555 และเขารับบทเป็นอีธาน ฮันท์ ในภาพยนตร์ชุดเรื่อง มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล ตอนที่ทอมอายุ 12 ปี แม่ของทอมตัดสินใจพาทอมและลูกสาวทั้งสามคนหนีพ่อของทอมไป เนื่องจากเธอและลูกถูกทำร้ายร่างกายมาอย่างยาวนาน โดยย้ายกลับไปอยู่สหรัฐ ทอมต้องเปลี่ยนโรงเรียนในที่ต่าง ๆ มากถึง 15 แห่ง จนกระทั่งจบการศึกษามัธยมปลายจากเกลนไรดจ์ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ เขามีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้อง แต่เมื่อได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า จึงหันมาเรียนการแสดง
ในปี 2524 ทอมมาที่ลอสแอนเจลิสที่เขาพบพอลลา วากเนอร์ จากครีเอทีฟอาร์ทิสต์เอเจนซี ซึ่งเป็นคนที่นำเขาเข้ามาสู่วงการภาพยนตร์ โดยทอมได้รับบทที่ไม่โดดเด่นมากเรื่องแรกในเรื่อง Endless Love (2524) จากนั้นก็มีผลงานแสดงอย่าง Risky Business (2526), All the Right Moves (2526), Legend (2528) ทอม มาแจ้งเกิดเต็มตัวในเรื่อง Top Gun (2529) ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้ 356.8 ล้านเหรียญสหรัฐทั่วโลก ตามด้วย The Color of Money (2529) , Rain Man (2531), Cocktail (2531), Born on the Fourth of July (2532), Days of Thunder (2533), Far and Away (2535), A Few Good Men (2535), The Firm (2536), Interview With The Vampire (2537), Mission: Impossible (2539) และ Jerry Maguire (2539) และยังมีผลงานอย่างเรื่อง The Last Samurai (2546), Collateral (2547) ของไมเคิล แมนน์ ประกบคู่กับเจมี ฟ็อกซ์ นอกจากนั้นยังแสดงภาพยนตร์กำกับโดยสตีเวน สปีลเบิร์ก กับภาพยนตร์ไซไฟเรื่อง War of the Worlds (2548)
ลูเทอร์ สติกเคล – วิง เรมส์
เออร์วิง ราเมเซส เรมส์ (อังกฤษ: Irving Rameses Rhames; เกิด 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2502) เป็นนักแสดงชาวอเมริกัน เขาเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีจากบทบาทนักแสดงในบท Luther Stickell ในซีรีส์ภาพยนตร์ Mission: Impossible และบทบาทสนับสนุนของเขาในฐานะหัวหน้าแก๊ง Marsellus Wallace ใน Pulp Fiction นอกจากนี้เขายังปรากฏตัวใน Jacob’s Ladder (1990), Striptease (1996), Con Air (1997), Out of Sight (1998), Entrapment (1999), Bringing Out The Dead (1999) และ Dawn of the Dead (2004) เขาพากย์เสียง Cobra Bubbles ในภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง Lilo & Stitch (2002)
ยูจีน คิตทริดจ์ – เฮนรี เชอนีย์
เฮนรี เบอร์นี เป็นพ่อค้าและทูตชาวอังกฤษของบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ บิดาชื่อ ริชาร์ด ทอมัส เบอร์นี (1768-1808) ครูใหญ่โรงเรียนสอนเด็กกำพร้าที่คิดเดอร์พอร์ มารดาชื่อ เจน เบอร์นี (1772-1842) เขาเป็นหลานชายของนักเขียน ฟรานซิส เบอร์นี (1752-1840) เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ. 1818 สมรสกับเจเน็ต แบนเนอร์แมน (1799-1865) ที่โบสถ์เซนต์จอร์จ ในจอร์จทาวน์ ปีนัง มาลายา มีบุตรธิดาร่วมกัน 13 คน โดย 8 คนยังมีชีวิตอยู่เมื่อเขาเสียชีวิต เจเน็ตเป็นหลานสาวของจอห์น อเล็กซานเดอร์ แบนเนอร์แมน ผู้เป็นผู้ว่าราชการปีนังในมาลายา
วิลเลียม ดอนโลว์ – โรล์ฟ แซกซัน
โรลฟ์ แซกซันเกิดที่ฟอร์ตเบลวัวร์ในเมืองอเล็กซานเดรีย รัฐเวอร์จิเนีย เขาเคยร่วมงานกับ American Conservatory Theater, Cal Shakes, Berkeley Mime Troupe และ Omphalos Street Theatre Company นอกจากนี้ เขายังจะแสดงนำในMission: Impossible – The Final Reckoningซึ่งมีกำหนดฉายรอบปฐมทัศน์ในปี 2025 ร่วมกับทอม ครูซ
เดอะคอนแทกต์ – แอนเดรียส วิสเนียฟสกี
Andreas Wisniewski (เกิดเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 1959) เป็นนักแสดงชาวเยอรมันและอดีตนักเต้น เขาเป็นที่รู้จักดีที่สุดจากบทบาทNecrosในภาพยนตร์เจมส์ บอนด์เรื่อง The Living Daylights ในปี 1987 บทบาทคู่หูของ Max ในภาพยนตร์Mission: Impossible ในปี 1996 และบทบาทหนึ่งในลูกน้องของHans Gruber อย่าง Tony ในภาพยนตร์ Die Hardใน ปี 1988 วิสเนียฟสกีเกิดที่เบอร์ลินตะวันตกเยอรมนีตะวันตก โดยมีพ่อเป็นชาวโปแลนด์และแม่เป็นชาวเยอรมัน เขาใช้ชีวิตช่วงต้นด้วยการเต้นรำก่อนจะผันตัวมาเป็นนักแสดง วิสเนียฟสกีเปิดตัวบนจอเงินใน ภาพยนตร์เรื่อง Gothic (1986) ซึ่งเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับแฟรงเกนสไตน์ของแมรี เชลลีย์ โดยวิสเนียฟสกีรับบทเป็นเฟล็ตเชอร์
ในภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ ปี 1987 เรื่อง The Living Daylightsชายสูง6 ฟุต4 นิ้ว-1 ⁄ 2 นิ้ว (194.3 ซม.) วิสเนียฟสกี้รับบทเป็นมือสังหารผู้โหดร้ายเนโครสซึ่งตลอดทั้งเรื่องเขารับบทเป็นพนักงานส่งนมชาวค็อกนีย์ นักวิ่งชาวอเมริกัน ผู้ขายลูกโป่งชาวออสเตรีย และแพทย์ในโมร็อกโก บทบาทหลักต่อมาของเขาคือรับบทเป็นลูกน้องของฮันส์ กรูเบอร์ โทนี่ วเรสกี้ ในภาพยนตร์เรื่อง Die Hardปี วิสเนียฟสกี้หายตัวไปจากจอเงินและกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในรายการโทรทัศน์เรื่องSuperboy , Mann & MachineและNorthern Exposureซึ่งเขารับบทเป็นอาร์เธอร์ หมี เขากลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในภาพยนตร์นิยายวิทยาศาสตร์เรื่องDeath Machine ในปี 1995 โดยรับบทเป็นเวย์แลนด์ และกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในปี 1996 ในบทบาทที่ไม่พูดมากนักในฐานะเพื่อนของแม็กซ์ในภาพยนตร์ที่ทำรายได้ถล่มทลายเรื่องMission: Impossible
ไม่เพียงแต่เป็นความบันเทิงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและฉากสุดตื่นเต้น แต่ยังสามารถสื่อความหมายลึกซึ้งเกี่ยวกับความหมายของชีวิต ความยุติธรรม และความเป็นมนุษย์ในช่วงเวลาที่โหดร้ายที่สุด หนังประเภทนี้สามารถทำให้ผู้ชมได้รับความบันเทิงในระดับสูง และยังสามารถสื่อความหมายลึกซึ้งเกี่ยวกับความหมายของชีวิต ความยุติธรรม และความเป็นมนุษย์ในช่วงเวลาที่โหดร้ายที่สุด “Mission Impossible” ยังสามารถทำให้ผู้ชมได้เรียนรู้ถึงความซับซ้อนของความสูญเสียและความกล้าหาญ ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความหวัง ความเศร้า หรือความสุข หนังประเภทนี้มักจะใช้ความสูญเสีย