ดูหนังเอเชีย สัมผัสความมหัศจรรย์ของหนังเอเชีย โลกภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและเรื่องราวอันน่าติดตาม หนังเอเชียไม่เพียงแต่เป็นความบันเทิงที่น่าตื่นเต้น แต่ยังเป็นประตูสู่วัฒนธรรมอันหลากหลายของทวีปเอเชีย ด้วยความหลากหลายของประเทศและวัฒนธรรม หนังเอเชียมีความหลากหลายที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นหนังญี่ปุ่น หนังเกาหลี หนังอินเดีย หรือหนังจีน แต่ละประเทศล้วนนำเสนอเรื่องราวน่าติดตามและฉากที่สวยงาม
อุตสาหกรรมภาพยนตร์และภาพยนตร์ที่ผลิตในทวีปเอเชียอย่างไรก็ตาม ในประเทศต่างๆ เช่นสหรัฐอเมริกามักใช้เพื่ออ้างถึงเฉพาะภาพยนตร์ของเอเชียตะวันออกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ภาพยนตร์เอเชียตะวันตกบางครั้งจัดอยู่ในกลุ่ม ภาพยนตร์ ตะวันออกกลางร่วมกับภาพยนตร์ของอียิปต์ภาพยนตร์ของเอเชียกลางมักจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับภาพยนตร์ตะวันออกกลาง หรือในอดีตคือภาพยนตร์ของสหภาพโซเวียตในยุคเอเชียกลางของสหภาพโซเวียต เอเชียเหนือถูกครอบงำโดยภาพยนตร์รัสเซียไซบีเรีย จึงถือเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ยุโรป ภาพยนตร์เอเชียตะวันออกเป็นตัวอย่างภาพยนตร์จากประเทศญี่ปุ่นจีนฮ่องกงไต้หวันและเกาหลีใต้รวม ไปถึงอุตสาหกรรม อนิเมะของญี่ปุ่นและภาพยนตร์แอคชั่นของฮ่องกง ภาพยนตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตัวอย่างภาพยนตร์ของฟิลิปปินส์ซึ่ง เป็น หนึ่งในผู้บุกเบิกภาพยนตร์เอเชียประเทศไทยอินโดนีเซียและประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียง ใต้ ภาพยนตร์เอเชียใต้มีลักษณะเฉพาะ ได้แก่ภาพยนตร์อินเดียภาพยนตร์ปากีสถานภาพยนตร์บังกลาเทศและภาพยนตร์ เนปาล
ภาพยนตร์ในเอเชียกลางและคอเคซัสตอนใต้มีลักษณะเฉพาะคือภาพยนตร์อิหร่านและภาพยนตร์ทาจิกิสถานภาพยนตร์เอเชียตะวันตกมีลักษณะเฉพาะคือภาพยนตร์อาหรับภาพยนตร์อิหร่านภาพยนตร์อิสราเอล (ซึ่งอาจทับซ้อนกับภาพยนตร์ยิว ) และภาพยนตร์ตุรกี ในช่วงปลายทศวรรษ 1960 และต้นทศวรรษ 1970 ภาพยนตร์ญี่ปุ่นเริ่มได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการล่มสลายของระบบสตูดิโอ ในขณะที่ภาพยนตร์ญี่ปุ่นเข้าสู่ช่วงที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก ภาพยนตร์ฮ่องกงก็เข้าสู่ยุคฟื้นฟูศิลปะการแสดงของตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากการพัฒนาของการผสมผสานระหว่างฉากแอ็กชั่น ประวัติศาสตร์ และประเด็นทางจิตวิญญาณ บุคคลสำคัญหลายคนปรากฏตัวในฮ่องกงในช่วงเวลานี้ รวมถึงKing Hu ซึ่งภาพยนตร์ Come Drink With Meของเขาในปี 1966 มีอิทธิพลสำคัญต่อการพัฒนาภาพยนตร์ฮ่องกงในเวลาต่อมามากมาย ไม่นานหลังจากนั้นBruce Lee ที่เกิดในอเมริกา ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ระดับโลกในช่วงทศวรรษ 1970 ตั้งแต่ปี 1969 เป็นต้นมากระแสภาพยนตร์อิหร่านใหม่ ทำให้ ภาพยนตร์อิหร่านเติบโตซึ่งต่อมาได้รับการยกย่องในระดับนานาชาติในช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990 บุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดของกระแสภาพยนตร์อิหร่านใหม่
[read more]
1. หนังญี่ปุ่น (Japanese Cinema)
หนังญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเภทหนังเอเชียที่ได้รับความนิยมสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นหนังอนิเมะ (Anime) หรือหนังคนแสดง หนังญี่ปุ่นเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และฉากที่สวยงาม หมายถึง สื่อเนื้อหาภาพเคลื่อนไหวที่วาดด้วยมือหรือใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกจากประเทศญี่ปุ่น คำว่า อนิเมะ เป็นคำภาษาญี่ปุ่น ที่ดัดแปลงมาจากคำภาษาอังกฤษว่า แอนิเมชัน (animation) ซึ่งมาจากภาษาฝรั่งเศส อานีเม่ (animé) แปลว่าเคลื่อนไหว หรือภาพเคลื่อนไหว แต่ได้กลายความหมายจนเป็นคำเฉพาะของภาษาญี่ปุ่น ที่ใช้สื่อถึงสื่อภาพยนตร์การ์ตูน (Animated media) ทุกรูปแบบ[1] ภายนอกประเทศญี่ปุ่น อนิเมะหมายถึงภาพยนตร์การ์ตูนสัญชาติญี่ปุ่น หรือภาพยนตร์การ์ตูนที่มีลักษณะของเอกลักษณ์ทางศิลปะเหมือนกับภาพยนตร์การ์ตูนที่ผลิตในญี่ปุ่น
อนิเมะส่วนใหญ่จะวาดขึ้นด้วยมือ แต่ปัจจุบันมีการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยสร้างอนิเมะอย่างแพร่หลาย ส่วนใหญ่แล้ว อนิเมะเป็นสื่อที่สร้างขึ้นเพื่อให้ความบันเทิงเหมือนภาพยนตร์ โดยมีเนื้อเรื่องที่ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมประเภทต่าง ๆ ทั้งที่เป็นนวนิยาย หรือจากสื่อหนังสือการ์ตูนมังงะ ซึ่งทำให้อนิเมะมีเนื้อเรื่องที่หลากหลายและครอบคลุมแนววรรณกรรมเกือบทุกประเภท รวมไปถึงประเภทสื่อลามก อนิเมะมักถูกสร้างขึ้นเป็นตอน ๆ เพื่อฉายทางโทรทัศน์เป็นรายสัปดาห์ ส่วนหนึ่งถูกสร้างเป็นภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องยาวเพื่อฉายในโรงภาพยนตร์ และอีกส่วนหนึ่งถูกสร้างเป็นตอน ๆ เพื่อขายตรงในรูปแบบดีวีดี วีซีดี หรือวีดิโอ ซึ่งเป็นการทำตอนเฉพาะที่ไม่ได้ออกอากาศ เรียกว่า โอวีเอ (Original Video Animation) และปัจจุบันก็มีเนื้อหาที่เผยแพร่โดยตรงผ่านอินเทอร์เน็ต เรียกว่า ONA (Original Net Animation) ด้วย นอกจากนี้ยังมีอนิเมะที่ถูกนำไปดัดแปลงเป็นละครโทรทัศน์อีกด้วย ปัจจุบันมีจำนวนอนิเมะที่ถูกสร้างในประเทศญี่ปุ่นราว 500 เรื่องต่อปี
อนิเมะ (Anime) : หนังอนิเมะญี่ปุ่นเป็นที่นิยมทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของความรัก ความผจญภัย หรือการต่อสู้ อนิเมะแต่ละเรื่องมีความสวยงามและน่าติดตาม หมายถึง สื่อเนื้อหาภาพเคลื่อนไหวที่วาดด้วยมือหรือใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกจากประเทศญี่ปุ่น คำว่า อนิเมะ เป็นคำภาษาญี่ปุ่น ที่ดัดแปลงมาจากคำภาษาอังกฤษว่า แอนิเมชัน (animation) ซึ่งมาจากภาษาฝรั่งเศส อานีเม่ (animé) แปลว่าเคลื่อนไหว หรือภาพเคลื่อนไหว แต่ได้กลายความหมายจนเป็นคำเฉพาะของภาษาญี่ปุ่น ที่ใช้สื่อถึงสื่อภาพยนตร์การ์ตูน (Animated media) ทุกรูปแบบ[1] ภายนอกประเทศญี่ปุ่น อนิเมะหมายถึงภาพยนตร์การ์ตูนสัญชาติญี่ปุ่น หรือภาพยนตร์การ์ตูนที่มีลักษณะของเอกลักษณ์ทางศิลปะเหมือนกับภาพยนตร์การ์ตูนที่ผลิตในญี่ปุ่น[2] อนิเมะส่วนใหญ่จะวาดขึ้นด้วยมือ แต่ปัจจุบันมีการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยสร้างอนิเมะอย่างแพร่หลาย ส่วนใหญ่แล้ว อนิเมะเป็นสื่อที่สร้างขึ้นเพื่อให้ความบันเทิงเหมือนภาพยนตร์ โดยมีเนื้อเรื่องที่ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมประเภทต่าง ๆ ทั้งที่เป็นนวนิยาย หรือจากสื่อหนังสือการ์ตูนมังงะ ซึ่งทำให้อนิเมะมีเนื้อเรื่องที่หลากหลายและครอบคลุมแนววรรณกรรมเกือบทุกประเภท รวมไปถึงประเภทสื่อลามก อนิเมะมักถูกสร้างขึ้นเป็นตอน ๆ เพื่อฉายทางโทรทัศน์เป็นรายสัปดาห์ ส่วนหนึ่งถูกสร้างเป็นภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องยาวเพื่อฉายในโรงภาพยนตร์ และอีกส่วนหนึ่งถูกสร้างเป็นตอน ๆ เพื่อขายตรงในรูปแบบดีวีดี วีซีดี หรือวีดิโอ ซึ่งเป็นการทำตอนเฉพาะที่ไม่ได้ออกอากาศ เรียกว่า โอวีเอ (Original Video Animation) และปัจจุบันก็มีเนื้อหาที่เผยแพร่โดยตรงผ่านอินเทอร์เน็ต เรียกว่า ONA (Original Net Animation) ด้วย นอกจากนี้ยังมีอนิเมะที่ถูกนำไปดัดแปลงเป็นละครโทรทัศน์อีกด้วย ปัจจุบันมีจำนวนอนิเมะที่ถูกสร้างในประเทศญี่ปุ่นราว 500 เรื่องต่อปี
หนัง : หนังคนแสดงญี่ปุ่นก็ไม่น้อยหน้า ไม่ว่าจะเป็นหนังรัก หนังระทึกขวัญ หรือหนังประวัติศาสตร์ หนังญี่ปุ่นเต็มไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้งและฉากที่สวยงาม มีประวัติอันยาวนานมาร่วมร้อยปี โดยภาพยนตร์เงียบเรื่องแรกของญี่ปุ่นคือภาพยนตร์เรื่อง Bake Jizo และ Shinin no sosei ภาพยนตร์ในปี ค.ศ. 1898 ส่วนหนังเสียงเรื่องแรกคือเรื่อง The Neighbor’s Wife And Mine (1931) กำกับโดย เฮอิโนสุเกะ โกโซ และมีการเกิดขึ้นของสตูดิโอยักษ์ใหญ่ในวงการช่วงนี้คือ นิกคัตสุ, โชชิกุ และ โตโอ (ตามลำดับ) หนังในยุคทศวรรษที่ 30 ถือเป็นยุคทองของภาพยนตร์ญี่ปุ่นทีเดียว โดยมีความหลายหลาย ตั้งแต่หนังซามูไร หนังเกอิชา หนังรัก หนังตลก จนถึงหนังเพลง ถึงแม้ญี่ปุ่นจะไม่ส่งหนังออกจำหน่ายนอกประเทศเท่าไร แต่ผู้ชมภายในประเทศในช่วงยุคทศวรรษที่ 30 มีการบันทึกว่าคนดูหนังชาวญี่ปุ่นมีจำนวนมากถึง 250 ล้านคนต่อปี
หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1937 ญี่ปุ่นทำสงครามอย่างเป็นทางการกับจีน ทำให้เกิดหนังโฆษณาชวนเชื่อและหนังปลุกใจรักชาติ โดยนักแสดงชื่อ โยชิโกะ ยามางุจิ ถือเป็นสัญลักษณ์ในช่วงนี้ หลังจากนั้นก็เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 สภาพสังคมบีบให้ภาพยนตร์ส่วนใหญ่เน้นโฆษณาชวนเชื่อ ดาราใหญ่ ๆ ก็ต้องไปเล่นหนังเนื้อหาปลุกใจประชาชน นอกจากหนังโฆษณาแล้ว รัฐยังเข้ามาแทรกแซงวงการภาพยนตร์ด้วยการเซ็นเซอร์อีกด้วย ภาพยนตร์ญี่ปุ่นในยุคทศวรรษที่ 1950 ถือเป็นยุคทองอีกช่วงหนึ่ง ในช่วงที่ญี่ปุ่นสูญเสียจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งญี่ปุ่นต้องการสร้างชาติกันใหม่อีกครั้ง รวมถึงวงการหนังด้วย ภาพยนตร์ในยุคนี้จะเน้นความเป็นประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ การปลดแอกสตรีเพศ และการต่อต้านศักดินาและระบอบทหาร เนื้อหาในหนังจะมีตัวละครค้นหาความเป็นมนุษย์ของตนเอง ผู้หญิงถูกสำรวจและชี้ให้เห็นถึงการถูกกดขี่ทางเพศ และทางออกของพวกเธอ นอกจากนี้หนังหลายเรื่องยังพูดถึงพิษภัยจากสงครามที่มีผลกระทบต่อประชาชนตาดำๆ การดิ้นรนต่อสู้กับความยากลำบาก
2. หนังเกาหลี (Korean Cinema)
เกาหลีใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเอเชีย หนังเกาหลีมีความหลากหลายที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นหนังรัก หนังระทึกขวัญ หรือหนังตลก
หนังรัก : หนังรักเกาหลีเต็มไปด้วยความโรแมนติกและฉากที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็น “Gangnam Blues” หรือ “A Man Who Was Superman” หนังรักเกาหลีทำให้คุณรู้สึกถึงความรักที่สวยงาม คือภาพยนตร์ที่พูดภาษาเกาหลี ในที่นี้รวมถึงภาพยนตร์ที่มาจากประเทศเกาหลีเหนือและประเทศเกาหลีใต้ แต่ภาพยนตร์จากเกาหลีใต้สามารถตีตลาดสู่ระดับนานาชาติ ทั้งตลาดบันเทิงเอเชีย และตลาดบันเทิงยุโรป รวมไปถึงตลาดอเมริกา จนกลายเป็นอุตสาหกรรมสำคัญ 10 อันดับแรกของประเทศ ปัจจุบันตลาดภาพยนตร์ของเกาหลีใต้มีมูลค่า 37,000 ล้านบาทต่อปี และหากนับรวมตลาดวิดีโอและดีวีดีแล้ว จะเป็นเงินมากถึงปีละ 62,000 ล้านบาท จากเดิมที่ภาพยนตร์เกาหลีใต้มีส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศในปี 2536 เพียงแค่ 15.9% ต่อมาในปี 2540 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 25.5% สำหรับแนวภาพยนตร์ของเกาหลีในปัจจุบัน เฉลี่ยเป็นหนังผี (Horror) ประมาณ 10% ตลก (Comedy) 20% รักสะเทือนอารมณ์ (Melo-Drama) 30% แอคชั่น (Action) 10% และหนังหลายรสชาติ (Mix) 30% ส่วนแนวภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมจากคนเกาหลี คือ ภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับความรักและสงครามเกาหลี หรือแนวเรื่องที่เกี่ยวกับการต่อสู้ของชีวิตคนเกาหลีจริง ๆ โดยภาพยนตร์ส่วนมากเกาหลี ล้วนมีเนื้อหาและการนำเสนอที่เป็นพราะภาพยนตร์ที่ถูกสร้างออกมาส่วนใหญ่เข้าถึงชีวิตจิตใจของคนดูได้อย่างแท้จริง
หนังระทึกขวัญ : หนังระทึกขวัญเกาหลีเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและฉากที่น่าตื่นเต้น ไม่ว่าจะเป็น “Train to Busan” หรือ “The Wailing” หนังระทึกขวัญเกาหลีทำให้คุณรู้สึกถึงความตื่นเต้นและน่าติดตาม เป็นภาพยนตร์ที่มุ่งเน้นทำให้ผู้ชมรู้สึกหวาดกลัว, เสียวไส้ และรู้สึกสยองขวัญ ภาพยนตร์เหล่านี้มักใช้วิธีการสร้างฉากที่ทำให้ตกใจ ด้วยการใช้สิ่งที่เกี่ยวข้องกับความตายหรือสิ่งที่เหนือธรรมชาติ จึงมักมีความคาบเกี่ยวกันกับความเป็นแฟนตาซีกับนิยายวิทยาศาสตร์ ความน่ากลัวเหล่านี้ยังใช้สิ่งกระตุ้นเช่นดนตรีสร้างความตื่นเต้นกระตุกอารมณ์ ภาพยนตร์สยองขวัญมักเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับฝันร้ายของผู้ชม, ความหวาดกลัวที่ซ่อนอยู่, ความเกลียดและความกลัวของสิ่งที่ไม่รู้จัก แม้ว่าการจัดการกับสิ่งเหล่านี้จะทำด้วยสิ่งที่เหนือธรรมชาติในท้องเรื่อง หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการเจ็บป่วย ฆาตกรต่อเนื่อง โรคระบาด อุบัติเหตุ การฆ่าตัวตาย และลัทธิเหนือจริง ก็อาจนิยามกับสิ่งเหล่านี้ว่าความสยองขวัญได้เช่นกัน
3. หนังอินเดีย (Indian Cinema)
หนังอินเดียหรือที่รู้จักกันในชื่อ “宝莱坞” (Bollywood) เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก หนังอินเดียมีความหลากหลายที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นหนังรัก หนังตลก หรือหนังประวัติศาสตร์
หนังรัก : หนังรักอินเดียมีความสวยงามและฉากที่น่าติดตาม ไม่ว่าจะเป็น “Dilwale Dulhania Le Jayenge” หรือ “Kuch Kuch Hota Hai” หนังรักอินเดียเต็มไปด้วยความโรแมนติกและฉากที่สวยงาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงที่ผ่านมากระแส “หนังอินเดีย” กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ด้วยพล็อตเรื่องที่น่าสนใจ ตัวละคร ฉาก ภาพ และเพลงประกอบที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ การนำเสนอแง่มุมและประเด็นต่างๆ ได้อย่างน่าสนใจ จนหลายคนต้องตามไปดูหนังอินเดียเรื่องอื่นๆ ด้วย บทความนี้ หนังอินเดีย มีทั้งพากย์ไทย และซับไทย ทั้งหนังแอ็กชัน โรแมนติก คอมเมดี้ หรือดราม่า มีครบทุกอารมณ์ สามารถเลือกดูได้
หนังประวัติศาสตร์ : หนังประวัติศาสตร์อินเดียมีความสวยงามและฉากที่น่าติดตาม ไม่ว่าจะเป็น “Bhaag Milkha” หรือ “Padmaavat” หนังประวัติศาสตร์อินเดียเต็มไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้งและฉากที่สวยงาม
4. หนังจีน (Chinese Cinema)
จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก หนังจีนมีความหลากหลายที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นหนังกำลังภายใน หนังประวัติศาสตร์ หรือหนังร่วมสมัย
หนังกำลังภายใน : หนังกำลังภายในจีนเต็มไปด้วยฉากต่อสู้ที่สวยงามและน่าตื่นเต้น ไม่ว่าจะเป็น “Crouching Tiger, Hidden Dragon” หรือ “Hero” หนังกำลังภายในจีนเต็มไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้งและฉากที่สวยงาม
เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 60 เช่น หงส์ทองคะนองศึก, The Magnificent Trio, One-Armed Swordsman ฯลฯ ผลิตในฮ่องกงและไต้หวัน ภาพยนตร์จีนกำลังภายในมักแฝงปรัชญาตะวันออกเอาไว้ บางเรื่องแฝงการหลุดพ้นจากลาภยศ กิเลส ตัณหา ราคะทั้งปวง หรือเน้นการเสียสละตนเองเพื่อผดุงคุณธรรมตามความเชื่อแห่งตน ในช่วงทศวรรษที่ 60–70 ฉากต่อสู้ของหนังกำลังภายในเป็นความตื่นตาตื่นใจสูงสุดของโลกภาพยนตร์ตะวันออก การหกขเมนตีลังกา ลีลาประดาบที่รวดเร็ว กลายเป็นความบังเทิงที่ได้รับความนิยม ภาพยนตร์ประเภทนี้ถูกพัฒนาขึ้นโดยผู้กำกับคิวบู๊คนสำคัญของชอว์บราเดอร์ที่ชื่อว่าหลิวเจียเหลียง ในปี 2000 ภาพยนตร์เรื่องพยัคฆ์ระห่ำ มังกรผยองโลก กำกับโดยอั้งลี่ นับเป็นภาพยนตร์จีนกำลังภายในที่ออกฉายทั่วโลก และยังได้รับรางวัลออสการ์อีกด้วย โดยภาพยนตร์ในแนวนี้เรื่องแรกของในโลก ได้แก่ The Burning of the Red Lotus Temple ที่ออกฉายในปี 1928 เป็นภาพยนตร์เงียบ จัดว่าเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2
หนังประวัติศาสตร์ : หนังประวัติศาสตร์จีนเต็มไปด้วยความสวยงามและฉากที่น่าติดตาม ไม่ว่าจะเป็น “The Last Emperor” หรือ “The Flowers of War” หนังประวัติศาสตร์จีนเต็มไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้งและฉากที่สวยงาม อุตสาหกรรมหนังฮ่องกงนั้นเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม หลังสงครามโลกครั้งที่สอง เนื่องจากผู้สร้างหนังจากจีนแผ่นดินใหญ่ พากันอพยพหนีสงครามกลางเมือง และสงครามระหว่างจีน กับญี่ปุ่น ในช่วงปี 1946 เข้าสู่ฮ่องกง จนกระทั่ง ปี 1949 เมื่อพรรคคอมมิวนิสท์จีน ได้รับชัยชนะในการแย่งชิงอำนาจ นั้นทำให้ศูนย์กลางหนังภาษาจีนย้ายจาก เซียงไฮ้สู่ฮ่องกง แต่หลังสงครามช่วงยุค 50 ทั้งบริษัทสร้างหนังจากทั้งจีนแผ่นดินใหญ่ รวมถึง นักลงทุนจากเอเซีย เช่น มาเลเซีย และสิงคโปร์ ต่างข้ามมาลงทุนที่ฮ่องกง ภายในเวลาอันไม่นานหนังฮ่องกงกลายเป็นสินค้าที่ส่งไปทั่วโลกทั้ง เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี รวมถึงแทรกซึมไปสู่ชาติตะวันตก ผ่านการฉายตามไชน่าทาวน์ แห่งเมืองใหญ่ต่าง ๆ เช่น ในนิวยอร์ก ลอนดอน ซิดนีย์
ความบันเทิงที่เต็มไปด้วยคุณค่า ในปัจจุบัน หนังเอเชียได้รับความนิยมอย่างสูงไม่เฉพาะในทวีปเอเชียเท่านั้น แต่ยังได้รับความสนใจจากผู้ชมทั่วโลกด้วยความหลากหลายของประเภทหนัง ความสวยงามของฉาก และความลึกซึ้งของเนื้อหา แต่ประโยชน์ของการดูหนังเอเชียไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความบันเทิงเท่านั้น ยังมีอีกหลายด้านที่สามารถเสริมสร้างคุณค่าให้กับชีวิตประจำวันของคุณ
1. เรียนรู้วัฒนธรรมที่หลากหลาย
หนังเอเชียมีความหลากหลายที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นหนังญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยความละเอียดอ่อนของความสัมพันธ์ระหว่างคนกับธรรมชาติ หนังเกาหลีที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวและสังคม หนังอินเดียที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของศาสนาและวัฒนธรรม หรือหนังจีนที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและวัฒนธรรมที่หลากหลาย
ตัวอย่าง:
หนังญี่ปุ่น : “Your Name” (君の名は) ไม่เพียงแต่เป็นหนังอนิเมะที่มีฉากสวยงาม แต่ยังสะท้อนถึงความเชื่อเกี่ยวกับวิญญาณและการเปลี่ยนแปลงของวัยในญี่ปุ่น
หนังเกาหลี : “Parasite” สะท้อนถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมในเกาหลีใต้
หนังอินเดีย : “3 Idiots” สะท้อนถึงระบบการศึกษาและวัฒนธรรมการเรียนรู้ในอินเดีย
หนังจีน : “The Grandmaster” สะท้อนถึงวัฒนธรรมกำลังภายในและประวัติศาสตร์การต่อสู้ของจีน
2. พัฒนาทักษะภาษา
หนังเอเชียเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการพัฒนาทักษะภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี ภาษาอินเดีย หรือภาษาจีน ด้วยการฟังสำเนียง คำศัพท์ และการใช้ภาษาในบริบทที่แท้จริง คุณสามารถเรียนรู้ภาษาใหม่ ๆ ได้ในขณะที่เพลิดเพลินกับหนัง
ตัวอย่าง:
ภาษาญี่ปุ่น : ดูหนังญี่ปุ่นเป็นวิธีที่ดีในการเรียนรู้สำเนียงและคำศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
ภาษาเกาหลี : ดูหนังเกาหลีช่วยให้คุณเข้าใจคำศัพท์และสำนวนที่ใช้ในสังคมเกาหลี
ภาษาอินเดีย : ดูหนังอินเดียช่วยให้คุณเรียนรู้ภาษาฮินดีและภาษาอื่น ๆ ในอินเดีย
ภาษาจีน : ดูหนังจีนช่วยให้คุณเรียนรู้สำเนียงและคำศัพท์ภาษาจีนกลาง
3. ความบันเทิงที่หลากหลาย
หนังเอเชียมีความหลากหลายของประเภทที่สามารถตอบสนองความสนใจของผู้ชมทุกคน ไม่ว่าจะเป็นหนังรัก หนังตลก หนังระทึกขวัญ หรือหนังกำลังภายใน หนังเอเชียสามารถมอบความบันเทิงที่ไม่ซ้ำใครและเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ตัวอย่าง:
หนังรัก : “A Walk to Remember” (เกาหลี) หรือ “Your Name” (ญี่ปุ่น) มอบความโรแมนติกที่น่าติดตาม
หนังตลก : “The Man from Outta Space” (เกาหลี) หรือ “PK” (อินเดีย) มอบความสนุกและเสียงหัวเราะ
หนังระทึกขวัญ : “Train to Busan” (เกาหลี) หรือ “The Eye” (จีน) มอบความตื่นเต้นและน่าติดตาม
หนังกำลังภายใน : “Crouching Tiger, Hidden Dragon” (จีน) มอบความสวยงามของฉากต่อสู้และเรื่องราวที่ลึกซึ้ง
4. ความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจ
หนังเอเชียมักเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และฉากที่สวยงาม หนังเหล่านี้สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้คุณในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้เพื่อความฝัน การใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย หรือการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีงาม
ตัวอย่าง:
แรงบันดาลใจในการต่อสู้ : “Dangal” (อินเดีย) สะท้อนถึงการต่อสู้เพื่อความฝันและความสำเร็จ
แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต : “The Secret in Their Eyes” (เกาหลี) สะท้อนถึงการใช้ชีวิตอย่างมีความหมายและไม่ยอมแพ้
แรงบันดาลใจในการรักษาความสัมพันธ์ : “The Farewell” (จีน) สะท้อนถึงความสำคัญของครอบครัวและวัฒนธรรม
5. ความเข้าใจในสังคมและปัญหาต่าง ๆ
หนังเอเชียมักสะท้อนถึงปัญหาสังคมและเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง ด้วยการดูหนังเอเชีย คุณสามารถเข้าใจปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมเอเชียและเรียนรู้วิธีการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น
ตัวอย่าง:
ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม : “Parasite” (เกาหลี) สะท้อนถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมในเกาหลีใต้
ปัญหาการศึกษา : “3 Idiots” (อินเดีย) สะท้อนถึงปัญหาของระบบการศึกษาในอินเดีย
ปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว : “Shoplifters” (ญี่ปุ่น) สะท้อนถึงปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัวและสังคมญี่ปุ่น
Squid Game สควิดเกม เล่นลุ้นตาย
เรื่องราวสุดลึกลับของเหล่าผู้เข้าชิงหลายร้อยชีวิตที่ประสบเจอกับปัญหาด้านการเงิน รวมทั้งจะต้องมาชิงชัยกันในเกมเด็กเล่นที่เต็มไปด้วยปัญหาลึกลับ เพื่อชิงเงินรางวัลมากมาย บรรดาผู้เล่นตอบรับคำเชิญชวนสุดแปลกด้วยความมุ่งมาดว่าจะคว้าอีกทั้งชัยแล้วก็เงินรางวัลอย่างมากมาย แต่ว่าโชคร้ายที่พวกเขาไม่รู้เรื่องเลยว่าราคาของความแพ้พ่ายนั้นจะต้องจ่ายด้วยชีวิต จนถึงสำเร็จให้เรื่องราวแย่ลงกว่าเดิมไปสู่การเข่นฆ่า ด้วยปริมาณผู้เข้าร่วมชิงถึง 456 คน ก็เลยไม่น่าประหลาดใจเลยที่มีผู้คนนานาประการจากดูเหมือนจะทุกมิติของสังคม ไม่ว่าจะเป็น กีฮุน (อีจองแจ) พ่อม่ายที่พบเจอความไม่ประสบผลสำเร็จทางธุรกิจแล้วก็ปัญหาหนี้ เพื่อนฝูงที่โตมาในแถวเดียวกันของเขา ซังอู (พัคแฮซู) ซึ่งสอบติดมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงรวมทั้งได้ปฏิบัติงานในบริษัทหลักทรัพย์ กลับพบทางตันในในที่สุด และก็ยังมี อร่อยยอก (จองโฮยอน) ผู้หนีภัยจากประเทศเกาหลีเหนือที่ดิ้นรนเพื่อครอบครัวของคุณได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกที รวมทั้งนักแสดงอื่นๆที่น่าดึงดูดอย่าง ด็อกซู (ฮอซองแท) ที่เป็นอันธพาล แล้วก็ จุนโฮ (วีฮาจุน) ตำรวจที่ศึกษาค้นพบเกมนี้เข้าระหว่างออกตามหาพี่ชายของเขาที่ล่องหนไป แล้วคุณจะพบว่าตนเองนั้นอดที่จะอินรวมทั้งลุ้นตามไปกับผู้แสดงทุกๆตัวในเรื่องมิได้
The Beauty Inside (2015) เดอะบิวตีอินไซด์
ฮอลลิวูดกำลังจะนำหนังเรื่องไปสร้างแล้ว แล้วก็เป็นอีกหัวข้อที่เหมาะสมจะสร้างเป็นภาพยนตร์ไทยเช่นกัน เรื่องราวของหนุ่มคนหนึ่งที่มีอาการป่วยเป็นโรคแปลกที่หาทางรักษามิได้ เนื่องจากว่าครั้งใดก็ตามเขาตื่นขึ้นมา รูปพรรณสัณฐานของเขาก็แปรไปทุกหน จนกระทั่งเขาตกหลุมรักหญิงสาวคนหนึ่ง แม้กระนั้นก็ไม่บางทีอาจห้ามธรรมชาติของตนเองได้ ทำให้เขาจำต้องเห็นด้วยภาวะตนเอง แม้ว่าจะยังรักคุณอยู่มากมายก็ตาม แต่ว่าไม่เคยรู้ว่าคุณจะรับสิ่งที่เขาเป็นไปได้ไหม หนังแทรกสอดแง่คิดดีๆแล้วก็มุมมองความรักเอาไว้มากมาย ถ้าเกิดเป็นภาพยนตร์ไทยการันตีว่าจำเป็นจะต้องสนุกสนาน ผู้แสดงรับเชิญจำต้องเดินตบเท้ามามากแน่นอน
Nong Pee Teerak (2018) น้องพี่ที่รัก
ฉายในโรงหนังกันแล้ว GDH ยังคงเพลย์เซฟผลิตหนังแนวคอมาดี้ที่ตนเองถนัดออกมาให้พวกเราได้ดูกันอีกที รวมทั้งนักแสดงนำก็ยังเป็นซันนี่ที่พวกเราคุ้นตาชินตากันดีนั่นล่ะ แต่ว่าตอนนี้น่าดึงดูดหน่อยเนื่องจากมีญาญ่า-อุรัสยา และก็นิชคุณ หรเวชกุล มาร่วมแสดงด้วย เรื่องราวของ ชัช (ซันนี่) พี่ชายของ เจน (ญาญ่า) ที่ถูกใจทะเลาะกันตลอดระยะเวลาเนื่องจากเจนกระทำตัวเสมือนแม่มากยิ่งกว่าเป็นน้องสาว ส่วนชัชก็กระทำตัวเป็นภาระหน้าที่มากยิ่งกว่าเป็นพี่ชาย ในที่สุดวันที่เจนจะมีคนรักลูกครึ่งประเทศญี่ปุ่นชื่อ โมจิ (นิชคุณ) ก็ดันถูกชัชขวางไว้เสียนี่ เพราะเหตุใดที่น้องฉอปปี้ พี่จะรอทำลาย ! แฟนพันธุ์แท้ค่ายภาพยนตร์ค่ายนี้ก็จัดเตรียมเสียเงินเสียทองกันได้นะ
เรื่องราวการสืบทอดทายาทร่างทรง ย่าบาหยัน ของครอบครัวหนึ่งในภาคอีสานของไทย เมื่อทายาทรุ่นปัจจุบันไม่อยากรับช่วงต่อแต่ก็ไม่อาจฝืนชะตาได้ นำมาสู่เรื่องราวเขย่าขวัญคนทั้งโลก! เรื่องเกริ่นขึ้นใน ปี 2018 ทีมงานสารคดีทำข้อมูลเรื่องราวเกี่ยวร่างทรงในไทย และไปพบเจ้าของเรื่องอย่าง ป้านิ่ม (เอี้ยง-สวนีย์ อุทุมมา) ที่เป็นร่างทรง ‘ย่าบาหยัน’ ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำท้องถิ่นในจังหวัดเลย ที่น่าสนใจคือย่าบาหยันจะสืบทอดกันต่อเฉพาะลูกหลานที่เป็นผู้หญิงในตระกูลของป้านิ่มเท่านั้น โดยคนที่มีแนวโน้มรับต่อในปัจจุบันมากที่สุดคือ มิ้งค์ (ญดา-นริลญา กุลมงคลเพชร) ลูกของพี่สาวป้านิ่มนั่นเอง ทำให้ทีมสารคดีขออนุญาตมาถ่ายทำป้านิ่มและครอบครัวในปี 2019 จนได้มาเจอเรื่องราวต่าง ๆ และตัดสินใจเปลี่ยนหัวข้อของสารคดีจากเรื่องว่าร่างทรงคืออะไร มาเป็นเรื่องของการสืบทอดร่างทรงแทน
In Youth We Trust (2024) วัยหนุ่ม 2544
ผือก เด็กสลัมที่เลือกเกิดมามีค่าเท่าคนอื่นไม่ได้จนต้องยอมนิ่งยอมเป็นเหยื่อให้คนอื่นรังแกมาตลอดเพื่อให้ ตัวเองได้ใช้ชีวิตอยู่ในสังคม…จนกระทั่งวินาทีที่เขาตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตเพื่อรักษาศักดิ์ศรีแม่ที่ เลี้ยงดูเขามาตามลำพังตั้งแต่เด็กด้วยการขายยา แต่เมื่อถูกส่งตัวมายังคุกวัยหนุ่ม เผือกจึงได้รู้ว่าโลกหลังกำแพงใบนั้นไม่ต่างจากกองขยะรวมเดนคนที่ถูกทิ้ง จากสังคม มันมืดมนและโหดร้ายกว่าโลกแห่งความจริงที่เขาเพิ่งจากมาโดยสิ้นเชิง แม้เผือกจะโชคดีที่ได้รับมิตรภาพข้างในนั้นจาก มะเดี่ยว กอล์ฟ และฟลุ๊ค แต่พวกเขาทุกคนก็ต้องคอยเอาตัว รอดจากขาใหญ่อย่างเบียร์และบอยที่ต้องการอยู่สูงสุดในวัฏจักรอุบาทว์แห่งนั้น ความฝันที่จะชดใช้กรรมจนหมดแล้วกลับออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งเริ่มเลือนราง เหลือเพียงแค่ความ หวังที่จะอยู่รอดไปถึงวันพรุ่งนี้สถานการณ์บีบคั้นให้เผือกตัดสินใจอีกครั้งว่าเขาจะไม่ยอมเป็นเหยื่ออีกต่อ ไปแม้ต้องใช้ชีวิตที่เหลือด้วยผลกรรมครั้งใหม่ก็ตาม
นำแสดงโดย ณ เดชน์คูกิมิยะรับบทโกโบรินายทหารญี่ปุ่นที่อยู่ในกองทหารญี่ปุ่นที่บุกสยามและอรเนตรดีคาบัลเลสรับบทอังศุมาลิน (ฮิเดโกะ) สาวสยามที่มีความรู้สึกซับซ้อนต่อโกโบริเนื่องจากรู้สึกผิดต่อพันธะสัญญา เธอคบกับแฟนที่ไปเรียนที่อังกฤษและเพราะความรู้สึกชาตินิยม เรื่องราวแสดงให้เห็นถึงความรักครั้งแรกจากมุมมองของคนหนุ่มสาวและผลกระทบต่อชีวิตและแรงบันดาลใจของพวกเขาอย่างไร
Veteran (2015) ขอโทษที ปืนพี่มันลั่น
ฮวังจองมิน รับบทเป็น ซอโดชอล นายตำรวจบ้าบิ่น กัดไม่ปล่อย เป็นขาลุยประจำ สน. นี้เลย เอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ ชอบฉวยโอกาสฝากตราประทับ หมัด เข่า ตรีน ให้ผู้ร้ายก่อนจับเสมอ ให้ 3 คำสำหรับฮวังจองมินเรื่องนี้ คือ เก๋า เกรียน กวน ยูอาอิน รับบทเป็น โจแทโอ ทายาทรุ่นที่ 3 ของธุรกิจใหญ่คับฟ้า ซินจินกรุ๊ป ภายนอกเขาเป็นนักธุรกิจในตำแหน่ง ผอ. ที่ดูเนี๊ยบดี แต่ในความจริง ไม่ต่างจากจากอันธพาลพฤติกรรมเหี้ยม (ทั้งแบบมี ม และไม่มี ม นะ) ใช้ความรุนแรง ข่มเหง แสดงอำนาจ แค่เพื่อความสะใจ เมื่อซอโดชอลได้มีโอกาสพบกับ โจแทโอ ครั้งแรก เขาก็รับรู้ได้ด้วยเซนส์ตำรวจเก๋าๆของเขาได้เลยว่า โจแทโอไม่ใช่คนดีแน่นอน แต่คงทำได้เพียงการจับตามองไปก่อนเท่านั้น จนกระทั่งมาเกิดเหตุ คนขับรถบรรทุกที่ซอโดชอลเพิ่งรู้จักกันจากงานช่วยกวาดล้างแก๊งค์ลักรถ จ๊อบก่อนหน้านี้ ถูกทำร้ายปางตาย นอนโคม่า เหตุเกิดหลังจากเขาไปพบ โจแทโอ เพื่อขอทวงค่าแรงค้างจ่าย เพราะบริษัทนายจ้างของเขาได้อ้างว่า รับเหมางานมาจากซินจินกรุ๊ป ซึ่งไม่ได้จ่ายค่าจ้างมาให้เช่นกัน เคสคนขับรถบรรทุกนี้ถูกตำรวจ สน.ที่ดูแล บิดเบือนคดีเป็นการพยายามฆ่าตัวตาย เพราะ โจแทโอยัดสินบนตำรวจให้ดำเนินไปตามที่ได้จัดฉากไว้ ยิ่งซอโดชอลเข้าไปติดตาม สอดสืบมากเท่าไหร่ ความพยายามตามหมก กลบ ความผิดโดยฝีมือสมุนลิ่วล้อ ยิ่งทำให้โจแทโอพอกพูนคดีความผิดสะสมไปเรื่อยๆ ถึงกระนั้นก็ตาม ความทรงอิทธิพลของซินจินกรุ๊ปก็ยังสามารถช่วยปกป้องโจแทโอให้ยังลอยนวลอยู่ได้ มาตามดูว่า ซอโดชอล จะลุยจัดการ untouchable guy แบบโจแทโอได้อย่างไร และสาสมกับความเลวเหี้ยมของเขาไหม
[/read]